ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (28 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินผลประกอบการที่แตกต่างกันของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,726.01 จุด ลดลง 52.04 จุด หรือ -0.59%
ในเดือนพ.ค. ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นแล้ว 2.7% และมีแนวโน้มจะเป็นเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 4 เดือน
นักลงทุนทั่วโลกยังจับตาผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากสหรัฐฯ ที่มีกำหนดประกาศหลังปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันพุธนี้
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันอังคาร (27 พ.ค.) โดยคาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะโต 1.2% ในปีนี้ จากที่เคยคาดไว้ที่ 1.1% ในเดือนเม.ย. และมีแนวโน้มขยายตัวเป็น 1.4% ในปี 2569 แม้ยังคงเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า อังกฤษได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ และการเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและอังกฤษที่มีความคืบหน้าในช่วงที่ผ่านมา ช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง และทำให้นักลงทุนหันมาสนใจบริษัทภายในประเทศมากขึ้น แทนที่จะเน้นหุ้นข้ามชาติในดัชนี FTSE 100
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนยังคงเผชิญแรงกดดันจากหุ้นรายตัว โดยราคาหุ้นคิงฟิชเชอร์ (Kingfisher) ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้าน ปรับตัวลง 3.6% หลังรายงานผลประกอบการล่าสุด ส่วนหุ้นของโกลบอลดาตา (GlobalData) ลดลง 1.6% ภายหลังบริษัทประกาศขยายระยะเวลาให้ไอซีจี (ICG) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนเอกชน ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ พร้อมทั้งยุติการเจรจากับเคเคอาร์ (KKR) หลังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
ขณะเดียวกัน ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมในอังกฤษปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดากลุ่มอุตสาหกรรม โดยลดลง 1.3% ตามการอ่อนตัวของราคาทองแดง
ในอีกด้านหนึ่ง ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคภายในซูเปอร์มาร์เก็ตของอังกฤษยังคงเร่งตัวขึ้น โดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง