ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงในวันนี้ (3 มิ.ย.) ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนที่รอความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า หลังจากประเด็นสงครามภาษีได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินมานานหลายเดือน
ณ เวลา 18.07 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 131 จุด หรือ -0.31% แตะที่ระดับ 42,243 จุด
สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเร่งรัดให้ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ยื่นข้อเสนอทางการค้าที่ดีที่สุดภายในวันพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.) เพื่อเร่งรัดการหารือกับหลายประเทศ ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 8 ก.ค. เมื่อมาตรการภาษีตอบโต้ซึ่งถูกระงับไว้จะกลับมามีผลบังคับใช้
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.) ว่า ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง ของจีน น่าจะได้มีโอกาสหารือกันภายในสัปดาห์นี้ ไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์เพิ่งกล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายทำร่วมกันที่กรุงเจนีวา ส่งผลให้จีนออกแถลงการณ์โจมตีกลับ ระบุสหรัฐฯ เป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามข้อตกลง พร้อมทั้งประกาศเตรียมตอบโต้แข็งกร้าว
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยกดดันไม่ให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเดินหน้าทำระดับสูงสุดใหม่ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ประกาศแผนที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นสองเท่า สู่ระดับ 50% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธนี้
ก่อนหน้านี้ ท่าทีที่อ่อนข้อลงของปธน.ทรัมป์ในประเด็นการค้าที่เคยแข็งกร้าว ได้ช่วยหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นในเดือนพ.ค. ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq สามารถทำสถิติปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์รายเดือนได้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566
ทั้งนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลง 0.2% เหลือเพียง 2.9% โดยสาเหตุหลักมาจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้
อย่างไรก็ตาม ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) กลับปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนี S&P 500 ณ สิ้นปี เป็น 6,550 จุด จากเดิม 6,150 จุด โดยให้เหตุผลว่าแรงกดดันต่อผลประกอบการจากประเด็นภาษีลดน้อยลง และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยคืนนี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนเม.ย.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายท่าน ได้แก่ ลิซา คุก หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, ออสแทน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก และลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส มีกำหนดจะกล่าวสุนทรพจน์คืนนี้ ตามเวลาไทย