ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (16 มิ.ย.) โดยปรับตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเพิ่มขึ้น ท่ามกลางรายงานข่าวว่า อิหร่านกำลังหาทางเจรจาหยุดยิงกับอิสราเอล
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,875.22 จุด เพิ่มขึ้น 24.59 จุด หรือ +0.28%
ดัชนี FTSE 100 อยู่ห่างเพียงไม่กี่จุดจากระดับสูงสุดระหว่างวันซึ่งเคยแตะ 8,908.74 จุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2568
หุ้นเอนเทน (Entain) เจ้าของแบรนด์แลดโบรกส์ (Ladbrokes) พุ่งขึ้น 15.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายวันในสัดส่วนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 หลังจากเบตเอ็มจีเอ็ม (BetMGM) ธุรกิจพนันกีฬาในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้ากับเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ตส์ (MGM Resorts) ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้และกำไรหลักประจำปี
ดัชนีหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและนันทนาการพุ่งขึ้น 3.3%
ส่วนในตลาดโลกนั้น ดัชนีหุ้นของสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นแรง หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านต้องการยุติการสู้รบกับอิสราเอล ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ของการเจรจาหยุดยิงและลดความกังวลเรื่องการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันจากภูมิภาคตะวันออกกลาง
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 7% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง หลังอิสราเอลเริ่มโจมตีทางอากาศใส่อิหร่าน ทำให้เกิดความกังวลว่าพื้นที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอาจได้รับความเสียหายรุนแรง
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยทั้งสองแห่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
หุ้นเมโทร แบงก์ โฮลดิงส์ (Metro Bank Holdings) พุ่งขึ้นถึง 18.4% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี หลังมีรายงานว่าได้รับข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัทไพรเวตอิควิตี โพลเลน สตรีท แคปิตอล (Pollen Street Capital)
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดากลุ่มอุตสาหกรรม โดยร่วงลง 3% ตามราคาทองคำที่อ่อนตัวลง
ตลาดยังมีความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ผู้นำประเทศกลุ่ม G7 เริ่มการประชุมประจำปีในวันจันทร์นี้ที่ประเทศแคนาดา โดยการประชุมครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นจุดสำคัญในการพยายามฟื้นฟูความเป็นเอกภาพของกลุ่มประเทศประชาธิปไตยชั้นนำของโลก