ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (17 มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง เนื่องจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 5 และมีรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้เคลื่อนฝูงบินขับไล่เข้าไปยังตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,215.80 จุด ลดลง 299.29 จุด หรือ -0.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,982.72 จุด ลดลง 50.39 จุด หรือ -0.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,521.09 จุด ลดลง 180.12 จุด หรือ -0.91%
สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด โดยอิสราเอลเดินหน้าใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีอิหร่านอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายโครงการนิวเคลียร์ และอิหร่านก็ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธและส่งโดรนจำนวนมากเข้าโจมตีอิสราเอล ขณะที่สื่อรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ กำลังส่งเครื่องบินขับไล่เข้าไปประจำการในตะวันออกกลางเพิ่มเติม และขยายเวลาการประจำการของเครื่องบินรบอื่น ๆ
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เตือนประชาชนในกรุงเตหะรานให้เร่งอพยพ พร้อมกับเรียกร้องให้อิหร่านล้มเลิกความทะเยอทะยานที่จะครอบครองนิวเคลียร์และหันมาทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้อิหร่าน "ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข"
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางส่งผลให้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นกว่า 13% ปิดที่ระดับ 21.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.
นอกจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ รวมทั้งร่างกฎหมายลดหย่อนภาษี และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่างใกล้ชิด
คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ (18 มิ.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รวมทั้งรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มสินค้าฟุ่งเฟือย ร่วงลง 1.64% และ 1.55% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 1.03% หลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 4% ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลให้การส่งออกน้ำมันจากตะวันออกกลางหยุดชะงัก
หุ้นบริษัทผลิตยุทโธปกรณ์พุ่งขึ้น โดยหุ้นล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) พุ่งขึ้น 2.6%, หุ้นอาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ปอเรชัน (RTX Corporation) บวก 1.38% และหุ้นนอร์ทรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) ปรับตัวขึ้น 1.34%
หุ้นกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ร่วงลง หลังจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยการเปลี่ยนแปลงข้อเสนอในร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีของปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเครดิตภาษีพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมภายในปี 2571 โดยหุ้น เอนเฟส เอนเนอร์จี (Enphase Energy) ร่วงลง 24% และหุ้นซันรัน (Sunrun) ทรุดตัวลง 40%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานล่าสุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวลง 0.9% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.6% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนเม.ย. โดยนักวิเคราะห์ระบุว่ามีสาเหตุจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐฯ ลดลง 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย.
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด สู่ระดับ 32 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 36