ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันอังคาร (24 มิ.ย.) ขานรับข่าวอิสราเอลและอิหร่านทำข้อตกลงหยุดยิง ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังคงใช้แนวทางรอดูทิศทางเศรษฐกิจก่อนที่จะพิจารณาการปรับนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,089.02 จุด เพิ่มขึ้น 507.24 จุด หรือ +1.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,092.18 จุด เพิ่มขึ้น 67.01 จุด หรือ +1.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,912.53 จุด เพิ่มขึ้น 281.56 จุด หรือ +1.43%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศในวันจันทร์ (23 มิ.ย.) ว่าอิหร่านและอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งแม้จะมีรายงานว่าทั้งอิหร่านและอิสราเอลได้ละเมิดข้อตกลงในช่วงแรก แต่นักลงทุนมองว่าการที่ปธน.ทรัมป์สามารถโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงได้นั้น ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าความตึงเครียดในตะวันออกกลางลดน้อยลงแล้ว
ทางด้านเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ โดยเขาส่งสัญญาณว่าเฟดไม่ได้เร่งรีบที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดกำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อ และเฟดกำลังจับตาทิศทางเศรษฐกิจก่อนที่จะพิจารณาการปรับนโยบายของเฟด
พาวเวลยังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และตลาดแรงงานใกล้เข้าสู่ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ แต่พาวเวลย้ำว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% และผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ยังคงไม่มีความชัดเจน
ทั้งนี้ พาวเวลมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาของสหรัฐฯ ในวันนี้ (25 มิ.ย.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 20% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค. และให้น้ำหนักเกือบ 70% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.61% และ 1.50% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.51% ตามทิศทางราคาน้ำมัน
หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นหลังจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางคลี่คลายลงและราคาน้ำมันปรับตัวลดลง โดยดัชนี S&P 1500 Airlines Index พุ่งขึ้น 2.4%
อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดที่ลดลงในตะวันออกกลางได้ฉุดหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตยุทโธปกรณ์ร่วงลง โดยหุ้นล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ดิ่งลง 2.6%, หุ้นอาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ป (RTX Corp) ร่วงลง 2.7% และหุ้นนอร์ทรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) ร่วงลง 3.1%
หุ้นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีปรับตัวขึ้น หลังจากราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยหุ้นคอยน์เบส โกลบอล (Coinbase Global) และหุ้นไมโครสตราเทจี (Microstrategy) พุ่งขึ้น 12.1% และ 2.7% ตามลำดับ
หุ้นบรอดคอม (Broadcom) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 3.9% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากนักวิเคราะห์ของ HSBC ปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนในหุ้นบรอคอมเป็น "Buy" จากเดิม "Hold"
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 93.0 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 98.4 ในเดือนพ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.5 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ขณะที่เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 2.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังจากพุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนมี.ค. เนื่องจากผลกระทบของอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง ปริมาณบ้านที่เพิ่มขึ้นในตลาด รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดขายบ้านใหม่, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)