ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (25 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน พร้อมจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางและแนวโน้มนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,718.75 จุด ลดลง 40.24 จุด หรือ -0.46%
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ เชลล์ (Shell) กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเข้าซื้อกิจการของคู่แข่ง บีพี (BP) ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นข้อตกลงควบรวมกิจการด้านพลังงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
หุ้นของบริษัทบีพีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ พุ่งขึ้น 7% ขณะที่หุ้นของ เชลล์ ร่วงลง 3.8%
ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ หลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลสิ้นสุดสงครามทางอากาศที่ยืดเยื้อนาน 12 วันระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม หุ้นทั่วโลกเริ่มชะลอตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ตลาดแรงงานของอังกฤษยังคงแสดงสัญญาณชะลอตัว จากการสำรวจที่บ่งชี้ว่าการขึ้นค่าจ้างต่ำกว่าระดับเงินเฟ้อ และจำนวนตำแหน่งงานว่างลดลง
ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ แอนดรูว์ เบลีย์ กล่าวเมื่อวันอังคารว่ามีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนตัวลง และอัตราดอกเบี้ยน่าจะยังคงปรับลดลงต่อไป
ในส่วนของความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการ หุ้นแบ็บค็อก (Babcock) พุ่งขึ้น 10.7% หลังจากปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการระยะกลาง โดยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม
บริษัทด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศรายอื่นอย่าง โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) และ บีเออี ซิสเต็มส์ (BAE Systems) ปรับขึ้นราว 1%
หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่อังกฤษประกาศในที่ประชุมสุดยอดนาโตว่าจะจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35A จำนวน 12 ลำ ซึ่งสามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีได้
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ (Burberry) พุ่ง 4.8% หลังโบรกเกอร์หลายแห่งแสดงความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแบรนด์หรูของอังกฤษรายนี้ ก่อนการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกในวันที่ 18 ก.ค.