ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ทะลุแนว 44,000 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดีดตัวแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเปิดการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.เนื่องในวันชาติสหรัฐ
ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,024.95 จุด บวก 205.68 จุด หรือ 0.47% ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq บวก 0.22% และ 0.20% ตามลำดับ
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่แคนาดายอมยกเลิกการเรียกเก็บภาษีบริการดิจิทัลต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐ โดยหวังผลักดันให้การเจรจาการค้ากับสหรัฐเดินหน้าต่อไป หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศยุติการเจรจาก่อนหน้านี้
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดทะยานกว่า 400 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่สูงกว่าคาด รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลังการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จำนวนมากขึ้นคาดการณ์ผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในเชิงบวกมากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
ทั้งนี้ บริษัทมากกว่า 110 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้ออกรายงานคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) สำหรับไตรมาส 2/2568 ซึ่งในจำนวนดังกล่าว บริษัท 51 แห่งคาดการณ์ในเชิงบวก สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีซึ่งอยู่ที่จำนวน 42 แห่ง และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่จำนวน 39 แห่ง ส่วนอีก 59 บริษัทคาดการณ์ในเชิงลบ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาว่าด้วยระบบธนาคารกลางประจำปีนี้ ในการประชุมซึ่งมีธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) ที่เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ในเวลา 09.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.30 น.ตามเวลาไทย
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ในการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลส่งสัญญาณว่า เฟดไม่ได้เร่งรีบที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดกำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อ และเฟดกำลังจับตาทิศทางเศรษฐกิจก่อนที่จะพิจารณาการปรับนโยบายของเฟด
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ตุลาคม และธันวาคม จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซา
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 78.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนก.ค.
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย., ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ในวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.ค.
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเร็วขึ้นจากเดิมที่มักเปิดเผยตัวเลขในวันศุกร์ เนื่องจากวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.เป็นวันหยุดราชการของสหรัฐ เนื่องในวันชาติสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 120,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 4.2% ในเดือนพ.ค.