ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (3 ก.ค.) หลังจากความตึงเครียดทางการเมืองคลี่คลายลง เมื่อราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังของสหราชอาณาจักรกล่าวว่า เธอพร้อมเต็มที่สำหรับการทำหน้าที่นี้ และได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,823.20 จุด เพิ่มขึ้น 48.51 จุด หรือ +0.55%
ดัชนี FTSE 100 ฟื้นตัวหลังร่วงลงเมื่อวันพุธ (2 ก.ค.) จากแรงเทขายทั่วตลาด หลังจากรีฟส์มีท่าทีที่ท้อแท้ในรัฐสภา จากกรณีการเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับสวัสดิการหลายครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผนงบประมาณของเธอ
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า นักลงทุนอาจยังเฝ้าระวังการต่อต้านจากฝ่ายต่าง ๆ ต่อแผนลดรายจ่ายของรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบการคลัง และรักษาความเชื่อมั่นในตลาดพันธบัตร
ด้านฝั่งสหรัฐฯ นักลงทุนลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนก.ค. หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย.
หุ้นกลุ่มค้าปลีกนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เคอร์รีส์ (Currys) รายงานกำไรดีกว่าคาด จากความต้องการที่แข็งแกร่งในสินค้าโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ โดยราคาหุ้นเคอร์รีส์พุ่งขึ้น 7.1% ขณะที่หุ้นของบริษัทเอโอ เวิลด์ (AO World) ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์เป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด โดยดัชนีของหุ้นกลุ่มนี้ลดลง 1.3% หลังจากหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ร่วง 1.8% และหุ้นจีเอสเค (GSK) ลดลง 1.1%
ในด้านเศรษฐกิจนั้น ข้อมูลดัชนี PMI ภาคบริการของสหราชอาณาจักรโดย S&P บ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคบริการของอังกฤษขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่ราคาค่าบริการที่เรียกเก็บจากลูกค้าเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี
ธนาคารกลางอังกฤษกำลังจับตาราคาของภาคบริการอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินแรงกดดันเงินเฟ้อ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ กับเวียดนามได้บรรลุข้อตกลงการค้าเรียบร้อยแล้วเมื่อวันพุธ (2 ก.ค.)