ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเล็กน้อยในวันศุกร์ (4 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินความกังวลด้านการคลังของอังกฤษและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกยังคงซบเซาก่อนถึงกำหนดเส้นตายการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,822.91 จุด ลดลง 0.29 จุด หรือ -0.003%
ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันศุกร์ แต่สามารถปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
แม้ร่างกฎหมายปฏิรูปสวัสดิการของรัฐบาลอังกฤษผ่านความเห็นชอบในวันอังคาร แต่มีมาตรการลดต้นทุนในวงจำกัด จากที่เคยคาดว่าจะประหยัดได้ 5 พันล้านปอนด์ (6.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีการขึ้นภาษีหรือปรับลดงบประมาณในด้านอื่นแทน
บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ระบุว่า ความล้มเหลวในการลดรายจ่ายด้านสวัสดิการแม้เพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงงบประมาณที่จำกัดของรัฐบาล
กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงมากที่สุดในวันศุกร์ โดยร่วง 2.1% หลังบริษัทเอ็มเจ กลีสัน (MJ Gleeson) เตือนว่ากำไรในปีงบการเงิน 2569 จะอยู่ในระดับล่างของช่วงคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากความต้องการซื้อที่ยังซบเซา
ราคาหุ้นของเอ็มเจ กลีสัน ร่วง 6.7%
หุ้นบริษัทคู่แข่งรายใหญ่ ได้แก่ วิสทรี (Vistry), เพอร์ซิมมอน (Persimmon) และเทย์เลอร์ วิมพีย์ (Taylor Wimpey) ต่างปรับตัวลง 2.8%, 1.3% และ 1.6% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมลดลงตามราคาโลหะที่ปรับตัวลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน (Anglo American), หุ้นแอนโทฟากัสตา (Antofagasta) และหุ้นเกลนคอร์ (Glencore) ต่างลดลงมากกว่า 1% ส่วนหุ้นอาทัลยา (Atalya) ร่วง 3%
อลัน เทย์เลอร์ ผู้กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า การลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่าการรอแล้วต้องลดอย่างเร่งรีบในภายหลัง
จากข้อมูลของบริษัทแอลเอสอีจี (LSEG) นั้น ปัจจุบันเทรดเดอร์ประเมินว่า มีโอกาส 80% ที่จะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนส.ค.
ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่าภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างในอังกฤษลดลงในเดือนมิ.ย. โดยมีการเติบโตในกลุ่มที่อยู่อาศัย แต่การก่อสร้างเชิงพาณิชย์หดตัวลงเนื่องจากความกังวลทางเศรษฐกิจ
ด้านปัจจัยในต่างประเทศนั้น ตลาดทั่วโลกยังอยู่ในภาวะซบเซาหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แถลงว่า สหรัฐฯ จะเริ่มส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีไปยังประเทศต่าง ๆ ในวันศุกร์ (4 ก.ค.)
สหราชอาณาจักรยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถทำข้อตกลงกับสหรัฐได้สำเร็จ