ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก กลุ่มเทคโนฯ-แบงก์หนุนตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (7 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวด้านการค้าก่อนถึงกำหนดเส้นตายการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 543.50 จุด เพิ่มขึ้น 2.37 จุด หรือ +0.44%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,723.47 จุด เพิ่มขึ้น 27.20 จุด หรือ +0.35%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,073.67 จุด เพิ่มขึ้น 286.22 จุด หรือ +1.20% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,806.53 จุด ลดลง 16.38 จุด หรือ -0.19%

ความเชื่อมั่นยังคงเปราะบาง โดย สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ จะประกาศมาตรการทางการค้าหลายรายการภายใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า

สหภาพยุโรป (EU) ยังตั้งเป้าหมายจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าภายในวันที่ 9 ก.ค. หลังจากที่ เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และทรัมป์ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างราบรื่น

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐฯ ใกล้จะสรุปข้อตกลงทางการค้าหลายฉบับ และจะประกาศอัตราภาษีใหม่แก่ประเทศคู่ค้าภายในวันที่ 9 ก.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการผ่อนผันสามสัปดาห์

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในกลุ่มที่หนุนดัชนี STOXX มากที่สุด โดยหุ้นเอสเอพี (SAP) ของเยอรมนี และเอเอสเอ็มแอล (ASML) ผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์จากเนเธอร์แลนด์ ต่างเพิ่มขึ้นราว 2%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซนปรับตัวขึ้น 1.6% โดยหุ้นโซซิเอเต้ เจเนอราล (Societe Generale) จากฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.8% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2560

ในด้านข้อมูลเศรษฐกิจ การสำรวจพบว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนดีขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี

ภายในสัปดาห์นี้ ตลาดรอดูรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของเยอรมนีและฝรั่งเศส รวมถึงข้อมูลจีดีพีของสหราชอาณาจักร