ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (7 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินรายงานผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ และให้ความสนใจกับพัฒนาการด้านนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,806.53 จุด ลดลง 16.38 จุด หรือ -0.19%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ใกล้จะสรุปข้อตกลงทางการค้าหลายฉบับ และจะประกาศขึ้นภาษีกับประเทศคู่ค้าภายในวันที่ 9 ก.ค. โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หุ้นกลุ่มบริษัทขนาดกลางของอังกฤษเผชิญแรงกดดัน หลังจาก ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังของอังกฤษ ปรากฏตัวพร้อมทั้งน้ำตาในรัฐสภา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายสวัสดิการที่มีต้นทุนสูง ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลในการลดรายจ่าย และเสถียรภาพภายในพรรคการเมือง
แม้ตลาดจะฟื้นตัวบางส่วน แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีของสหรัฐฯ ยังคงกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ร่วงลง 2.6% นับเป็นกลุ่มที่อ่อนตัวมากที่สุด
หุ้นเชลล์ (Shell) ร่วงลง 2.9% หลังจากบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่คาดว่ากำไรไตรมาสนี้จะถูกกระทบจากการซื้อขายที่อ่อนแอในแผนกก๊าซแบบบูรณาการ และขาดทุนจากธุรกิจเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทมีกำหนดประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันที่ 31 ก.ค.
หุ้นคู่แข่งอย่างบีพี (BP) ก็ร่วงลง 2% เช่นกัน แม้ว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น
หุ้นเคอร์รีส์ (Currys) ร่วงลง 5% หลังธนาคาร RBC ปรับลดคำแนะนำหุ้นค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้ารายนี้เป็นระดับ "ถือเทียบเท่าตลาด" โดยระบุว่าบริษัทจะยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจมหภาค
ขณะที่หุ้นเฟอเร็กซ์โป (Ferrexpo) บริษัทเหมืองแร่ซึ่งดำเนินงานในยูเครน ร่วงลง 1.5% หลังรายงานว่าการผลิตแร่เหล็กในไตรมาส 2 ลดลงถึง 40%