ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันอังคาร (8 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทส่งออก ขณะนักลงทุนจับตาการเจรจาภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,854.18 จุด เพิ่มขึ้น 47.65 จุด หรือ +0.54% ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักในเอเชียระบุว่า จะพยายามเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าสงครามการค้ารอบใหม่อีกครั้ง โดยกำหนดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมต่อ 14 ประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2568
อังกฤษและเวียดนามเป็นเพียงสองประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ในขณะนี้ ทำให้หลีกเลี่ยงภาษีใหม่ดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีของสหราชอาณาจักร ภาษีที่มีอยู่เดิมในกลุ่มสินค้าอย่างรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่
หุ้นกลุ่มพลังงานและก๊าซธรรมชาตินำตลาดปรับตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
หุ้นบริษัทพลังงานขนาดใหญ่อย่างบีพี (BP) พุ่งขึ้น 3.2% และขึ้นแท่นหุ้นที่บวกมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 ขณะที่หุ้นเชลล์ (Shell) เพิ่มขึ้น 2%
แต่หุ้นเหมืองแร่โลหะมีค่าลดลง 2.3% หลังจากราคาทองคำร่วงลงท่ามกลางความคาดหวังว่า ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าอาจเกิดขึ้นได้