ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ (11 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,941.12 จุด ลดลง 34.54 จุด หรือ -0.38%
อย่างไรก็ตาม FTSE 100 ยังทำผลงานรายสัปดาห์ได้ดีที่สุดในรอบ 2 เดือน นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าทองแดง ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น
ข้อมูลเศรษฐกิจระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวเกินคาดเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนพ.ค. ทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มขึ้นในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกผันผวน
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตอนนี้ต้องมีปัจจัยพิเศษจริง ๆ จึงจะทำให้อังกฤษเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจหดตัวในไตรมาส 2 ได้ ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้เลยจากปัจจัยลบที่รุมเร้า
ข้อมูลดังกล่าวหนุนให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า โดยข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักความเป็นไปได้ 77.2% ที่ BoE จะลดดอกเบี้ยลง 0.25%
ในฝั่งสหรัฐฯ นั้น ทรัมป์เดินหน้าขยายสงครามภาษีอีกครั้ง โดยประกาศจะเก็บภาษี 35% ต่อสินค้านำเข้าจากแคนาดาในเดือนหน้า และเก็บภาษีแบบครอบคลุมในอัตรา 15% หรือ 20% ต่อประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ ขณะที่สหภาพยุโรปยังรอจดหมายแจ้งภาษีจากสหรัฐฯ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าในอังกฤษบวกนำตลาด โดยราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางการค้า
หุ้นบีพี (BP) เพิ่มขึ้น 3.4% หลังบริษัทพลังงานรายใหญ่ของอังกฤษคาดว่า การผลิตในภาคต้นน้ำในไตรมาส 2 จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ช่วยอธิบายคำว่า การผลิตในภาคต้นน้ำ