ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกทำสถิติสูงสุดในวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทที่สดใสและความคาดหวังต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,138.37 จุด เพิ่มขึ้น 76.88 จุด หรือ +0.85%
ดัชนีกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น 2.6% นำโดยหุ้น Reckitt ที่พุ่ง 9.9% หลังบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายนี้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ประจำปี
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์เพิ่มขึ้น 1.9% โดยหุ้น AstraZeneca พุ่ง 2.1% หลังยารักษาโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติหายากประสบความสำเร็จในการทดลองขั้นสูง ขณะที่หุ้น GSK เพิ่มขึ้น 1.4% หลังสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ขยายเวลาการพิจารณายารักษามะเร็งเม็ดเลือดของบริษัท
หุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวขึ้น 2.3% นำโดยหุ้น ITV ที่พุ่งขึ้น 13.3% หลังผลประกอบการครึ่งปีดีกว่าคาด
ในทางตรงกันข้าม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าลดลง 1.4% ตามราคาทองคำที่อ่อนตัวลง โดยหุ้น Endeavour Mining ร่วง 1.3% และหุ้น Fresnillo ร่วง 2.1%
สำหรับหุ้นรายตัวอื่น ๆ นั้น หุ้น BT Group พุ่ง 10.4% สูงสุดในดัชนี FTSE 100 หลังจากมีการประกาศแต่งตั้ง Patricia Cobian เป็นประธานเจ้าหน้าที่การเงินหญิงคนแรกของบริษัท, หุ้น Vodafone พุ่ง 3.4% หลังรายงานรายได้จากการให้บริการไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 5.5%, หุ้น Anglo American ลดลง 0.9% หลังรายงานการผลิตทองแดงและเพชรในครึ่งปีแรกลดลง และหุ้น BP ลดลง 1.7% หลังประกาศถอนตัวจากโครงการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวในออสเตรเลียเพื่อกลับมามุ่งเน้นธุรกิจน้ำมันและก๊าซ
ด้านการค้านั้น โฆษกสหภาพยุโรปส่งสัญญาณว่าข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ใกล้บรรลุ ซึ่งจะทำให้มีการกำหนดภาษีนำเข้าที่ 15% ต่อสินค้าจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ
ส่วนผลสำรวจพบว่าบริษัทอังกฤษยังเผชิญปัญหาการเติบโตที่ชะลอตัวและตลาดแรงงานอ่อนแอ แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ และมีการคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนส.ค. และพ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่อังกฤษและอินเดียยังได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีด้วย