ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (28 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,081.44 จุด ลดลง 38.87 จุด หรือ -0.43%
เมื่อวันอาทิตย์ สหรัฐฯ ได้บรรลุกรอบข้อตกลงการค้ากับ EU ซึ่งรวมถึงการเก็บภาษีนำเข้า 15% กับสินค้าส่วนใหญ่จาก EU และกำหนดให้ EU ลงทุนในสหรัฐฯ ราว 6 แสนล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ประเทศบางแห่งในยุโรปแสดงความไม่พอใจ โดยระบุว่าข้อตกลงนี้เอนเอียงเข้าข้างสหรัฐฯ มากเกินไป
ขณะเดียวกัน ข้อมูลเมื่อวันจันทร์เผยว่ายอดขายปลีกในอังกฤษยังคงหดตัวเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันในเดือนก.ค. แม้การลดลงชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. เนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น
สหรัฐฯ และจีนได้กลับมาเจรจาในกรุงสตอกโฮล์ม เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อมานาน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายเวลาระงับการทำสงครามการค้าอีก 3 เดือน
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงนำตลาดโดยลดลง 1.6% โดยหุ้น RS Group ร่วง 3.1%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมลดลงเกือบ 1% และ 0.9% ตามลำดับ โดยได้รับแรงกดดันจากราคาทองคำและโลหะที่ปรับตัวลง
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.2% ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดย BP ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดที่ 2.2%
ในบรรดาหุ้นรายตัว Ocean Wilsons Holdings ร่วงลงกว่า 14% หลังจากบริษัทโฮลดิงเพื่อการลงทุนของอังกฤษแห่งนี้ตกลงควบรวมกิจการแบบแลกหุ้นทั้งหมดกับ Hansa Investment ส่งผลให้เกิดบริษัทลงทุนขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์รวม 900 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.21 พันล้านดอลลาร์
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดว่าจะชะลออัตราการลดขนาดพอร์ตพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 5.58 แสนล้านปอนด์ (7.54 แสนล้านดอลลาร์) ในเร็ว ๆ นี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดหวังว่าจะได้เห็นความชัดเจนในสัปดาห์หน้าเกี่ยวกับเป้าหมายระยะยาวของธนาคารกลาง
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักความเป็นไปได้ 86.5% ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันที่ 7 ส.ค.นี้