ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาแบบผสมผสาน และรอติดตามความคืบหน้าทางการค้าก่อนถึงเส้นตายการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในวันที่ 1 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 9,132.81 จุด ลดลง 4.13 จุด หรือ -0.05%
ตลอดเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการค้าอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐฯ และยังคงประเมินผลกระทบของภาษีสหรัฐฯ ที่มีต่อผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ แม้ความสนใจเริ่มเปลี่ยนไปอยู่ที่ความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษในสัปดาห์หน้า
หุ้นกลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดาหมวดอุตสาหกรรม โดยปรับตัวขึ้น 5.1% หลัง Rolls-Royce ปรับเพิ่มแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานและกระแสเงินสดอิสระตลอดทั้งปี ราคาหุ้นของผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานรายนี้พุ่งขึ้น 8.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้น Shell ปรับตัวขึ้น 1.2% แม้กำไรสุทธิไตรมาส 2 ลดลงเกือบหนึ่งในสาม แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ด้านการค้านั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีใหม่เพิ่มเติม โดยรวมถึงการอัปเดตภาษีทองแดง สินค้าจากบราซิล เกาหลีใต้ และอินเดีย รวมถึงการยกเลิกข้อยกเว้นสำหรับการนำเข้าสินค้าราคาต่ำจากต่างประเทศ ก่อนถึงเส้นตายภาษีวันที่ 1 ส.ค.
กลุ่มเหมืองแร่ภาคอุตสาหกรรมร่วงลง 2.6% ตามการปรับตัวลงของราคาทองแดง โดยหุ้น Glencore, Anglo American และ Antofagasta ร่วงลงระหว่าง 2.2% ถึง 5.9%
ในบรรดาการรายงานผลประกอบการ St James's Place เป็นผู้ที่ทำผลงานดีที่สุดในดัชนี FTSE 100 โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้น 11.9% หลังบริษัทจัดการความมั่งคั่งรายนี้เปิดเผยว่ายอดเงินไหลเข้าสุทธิครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งใหม่
หุ้น Rentokil พุ่งขึ้น 9.5% หลังบริษัทรักษาระดับแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีไว้เหมือนเดิม พร้อมรายได้ครึ่งปีแรกเติบโต 3.1%
หุ้น British American Tobacco เพิ่มขึ้น 1.3% หลังผลประกอบการครึ่งปีแรกดีกว่าที่คาดไว้
ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจับตาธนาคารกลางอังกฤษซึ่งคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนส.ค. ปีที่ผ่านมา