ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (1 ส.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ต่อหลายประเทศ และเรียกร้องให้บริษัทเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ปรับลดราคายา
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 9,068.58 จุด ลดลง 64.23 จุด หรือ -0.70%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือนเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ และยุติการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 6 สัปดาห์
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วง 1.4% หลังทรัมป์ส่งจดหมายถึงผู้บริหารบริษัทยาขนาดใหญ่ 17 แห่ง รวมถึง AstraZeneca และ GSK โดยระบุให้ลดราคายาในสหรัฐฯ
หุ้น AstraZeneca ร่วง 1.9% ส่วนหุ้น GSK ลดลง 1.5%
ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาดเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก หลังทรัมป์เก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่กับสินค้าจากประเทศคู่ค้าหลายราย รวมถึงแคนาดา บราซิล อินเดีย ไต้หวัน และสวิตเซอร์แลนด์
Watches of Switzerland ซึ่งจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์หรูอย่าง Rolex ในสหรัฐฯ ร่วงลง 6.8% หลังรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสวิตเซอร์แลนด์ 39%
แม้ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ จะช่วยปกป้องตลาดหุ้นอังกฤษจากความผันผวนเรื่องภาษี แต่บรรดานักลงทุนยังคงกังวลต่อผลกระทบในวงกว้างของสงครามการค้า และตลาดแรงงานอังกฤษที่เริ่มชะลอตัว
หุ้น Lloyds Banking Group ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ พุ่งขึ้น 3.6% แต่ปิดตลาดในอังกฤษลดลง 2.6%
หุ้น IAG เจ้าของสายการบิน British Airways ลดลง 1.7% หลังคาดว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นจากปัญหาการควบคุมการจราจรทางอากาศ