ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวนในวันนี้ (4 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดและเป็นปัจจัยฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันศุกร์ (1 ส.ค.) แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอได้กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 40,134.97 จุด ลดลง 664.63 จุด หรือ -1.63% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 24,627.25 จุด เพิ่มขึ้น 119.44 จุด หรือ +0.49% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,567.02 จุด เพิ่มขึ้น 7.07 จุด หรือ +0.20%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 1.08% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียลดลง 0.13%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 106,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.1% ในเดือนมิ.ย.
ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงในวันศุกร์ แต่ในขณะเดียวกันข้อมูลดังกล่าวก็ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในเดือนก.ย.นั้น ได้เพิ่มขึ้นจาก 37.7% มาอยู่ที่ 86.5%