ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 81.38 จุด หุ้นแอปเปิ้ลพุ่งหนุนตลาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 7, 2025 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (6 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิ้ล (Apple) หลังจากบริษัทประกาศแผนการลงทุนครั้งใหม่ในสหรัฐฯ รวมทั้งปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,193.12 จุด เพิ่มขึ้น 81.38 จุด หรือ +0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,345.06 จุด เพิ่มขึ้น 45.87 จุด หรือ +0.73% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,169.42 จุด เพิ่มขึ้น 252.87 จุด หรือ +1.21%

หุ้นแอปเปิ้ลพุ่งขึ้น 5.1% และปัจจัยหนุนดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนี หลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่าบริษัทแอปเปิ้ลจะประกาศการลงทุนครั้งใหม่ในสหรัฐฯ มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์

รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เชิญทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิ้ลเข้าพบที่ทำเนียบขาวในวันพุธ เพื่อประกาศคำมั่นสัญญาของแอปเปิ้ลในการลงทุนครั้งใหม่วงเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ โดยแอปเปิ้ลให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงการ "American Manufacturing Program" หรือ "โครงการผลิตในอเมริกา" ซึ่งจะทำให้การลงทุนรวมของแอปเปิ้ลในสหรัฐฯ ตลอด 4 ปีข้างหน้าเพิ่มเป็น 6 แสนล้านดอลลาร์

หุ้นแมคโดนัลด์ส (McDonald's) ปรับตัวขึ้น 3% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายทั่วโลกที่สูงเกินคาด ขณะที่บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงเกินคาด และได้ปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการปีงบการเงิน 2568 โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจสตรีมมิ่งและรายได้จากสวนสนุกที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ปิดลาดปรับตัวลง 2.7%

นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แม้ตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก็ตาม

ขณะนี้มีบริษัท 400 แห่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว โดยในจำนวนนี้มี 80% ที่รายงานผลประกอบการดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 76% ของช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 2.5% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งขึ้น 1.7% ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 1.5% ตามด้วยหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.9%

ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ที่ต่ำกว่าคาด และยังได้ปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานในเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.ลงอย่างมาก

นีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนิแอโพลิสกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 95.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 46.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนจับตาการตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ในการเสนอชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดคนใหม่ แทนเอเดรียนา คูเกลอร์ ซึ่งประกาศลาออกก่อนครบวาระ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ด้านการค้า โดยล่าสุด ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริการเพื่อเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียเพิ่มเติมอีก 25% เพื่อตอบโต้อินเดียที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ