ดัชนีดาวโจนส์เปิดบวกเล็กน้อย ขณะหุ้นชิปร่วงจากภาษี-นโยบายการค้า

ข่าวต่างประเทศ Monday August 11, 2025 20:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันนี้ (11 ส.ค.) หลังจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปรายใหญ่ร่วงลงก่อนถึงเส้นตายการเก็บภาษีนำเข้า และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าที่กำหนดให้แบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายชิปในจีนให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เปิดบวก 8.8 จุด หรือ 0.02% แตะ 44,184.36 จุด, ดัชนี S&P500 เปิดลดลง 0.2 จุด หรือแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 6,389.67 จุด และดัชนี Nasdaq เปิดบวก 9.6 จุด หรือ 0.04% ที่ระดับ 21,459.654 จุด

หุ้นบริษัทชิปรายใหญ่ปรับตัวลงท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ก่อนครบกำหนดเส้นตายการระงับเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในวันพรุ่งนี้ (12 ส.ค.)

หุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia และหุ้น Advanced Micro Devices (AMD) ร่วงลง

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า บริษัทเหล่านี้ตกลงจะมอบรายได้ 15% จากการขายชิปคอมพิวเตอร์ขั้นสูงให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เริ่มออกใบอนุญาตให้ขายชิป H20 ของ Nvidia ไปยังจีน

การขายเซมิคอนดักเตอร์เป็นประเด็นสำคัญในข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ลงนามเมื่อต้นปีนี้ และอาจกดดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก่อนถึงเส้นตายข้อตกลงในวันอังคารนี้

บรรดานักลงทุนยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับอัตราภาษีสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศไว้

นักลงทุนคาดว่า การเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่เกิดขึ้นในธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และสัญญาณความอ่อนแอของตลาดแรงงาน อาจทำให้เฟดหันมาใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นความหวังหลักในตลาด

ส่วนรายงานเงินเฟ้อจากราคาผู้บริโภคที่จะออกมาในวันอังคารนี้ จะเป็นตัวกำหนดความชัดเจนให้กับนักลงทุน ซึ่งปัจจุบันคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.60% ภายในเดือนธ.ค.ปีนี้

การประกาศผลประกอบการที่ดีกว่าคาดการณ์ยังช่วยคลายความกังวลในตลาด และผลสำรวจรายเดือนของธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (BofA) พบว่า การถือครองหุ้นกลุ่มเมกะแคปเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอีกครั้ง

สำหรับข่าวด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียคาดว่าจะพบปะกันในวันศุกร์นี้ (15 ส.ค.) เพื่อเจรจายุติสงครามในยูเครน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ