ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (12 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการขยายเวลาหยุดเก็บภาษีระหว่างสหรัฐฯจีน และความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่การร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ฉุดตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 547.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.13 จุด หรือ +0.21%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,753.42 จุด เพิ่มขึ้น 54.90 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,024.78 จุด ลดลง 56.56 จุด หรือ -0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,147.81 จุด เพิ่มขึ้น 18.10 จุด หรือ +0.20%
หุ้นเกือบทุกกลุ่มในดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 1.5% โดยหุ้น Vestas Wind Systems พุ่งขึ้น 4.7% หลังได้รับคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ สำหรับโครงการที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด
แต่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ร่วงลง 2.1% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. โดยเฉพาะหุ้นซอฟต์แวร์ที่ร่วงแรงจากความกังวลว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจกระทบต่อธุรกิจกลุ่มนี้
หุ้น SAP ร่วงลง 7% และหุ้น Nemetschek SE ร่วง 11% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563
ดัชนีหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปรับขึ้น แต่ดัชนี DAX ของเยอรมนีลดลง 0.2% หลังดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีในเดือนส.ค. ลดลงมากกว่าคาด
ข้อมูลจาก LSEG I/B/E/S ระบุว่า บริษัทต่าง ๆ ในยุโรปคาดว่าจะมีกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.8% สูงกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 3.1% โดยกำไรในยุโรปยังคงแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเพราะข้อตกลงภาษีระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐฯ ช่วยลดความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นตามคาด ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ตลาดยังจับตาการพบกันในวันศุกร์นี้ระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามรัสเซียยูเครน โดยทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าทั้งรัสเซียและยูเครนต้องยอมสละพื้นที่บางส่วนเพื่อยุติสงคราม
ผู้นำยุโรปและประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนวางแผนหารือกับทรัมป์ในวันพุธ ท่ามกลางความกังวลว่า สหรัฐฯ อาจกำหนดเงื่อนไขสันติภาพที่ไม่เอื้อต่อยูเครน