ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (18 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มกลาโหม ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพภายใต้การนำของสหรัฐฯ เพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,157.74 จุด เพิ่มขึ้น 18.84 จุด หรือ +0.21%
ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นตัวกำหนดบรรยากาศการลงทุน เนื่องจากนักลงทุนรอการประชุมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน และผู้นำยุโรป โดยทรัมป์พยายามผลักดันให้สงครามยุติลงโดยเร็ว ท่ามกลางความกังวลของยูเครนและพันธมิตรว่าจะถูกกดดันให้ยอมรับเงื่อนไขที่เอื้อต่อรัสเซีย หลังจากที่ทรัมป์พบปะกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อวันศุกร์
กลุ่มพลังงานปิดลบ 0.5% โดยตลาดน้ำมันยังอ่อนไหวต่อสัญญาณจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันรัสเซีย
แรงหนุนหลักของตลาดในวันจันทร์มาจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ที่บวกขึ้น 1.2% ขณะที่กลุ่มการบินและกลาโหมเริ่มสัปดาห์อย่างแข็งแกร่งโดยปรับขึ้น 1.2% โดยหุ้น Babcock International Group พุ่ง 5.3% หลังบริษัทหลักทรัพย์ RBC Capital Markets เริ่มแนะนำเพิ่มการลงทุน
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มเหมืองโลหะอุตสาหกรรมร่วงลง 2.2% จากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐที่กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนีหุ้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรปิดลดลงเกือบ 1% หลังผลสำรวจชี้ว่าราคาประกาศขายบ้านใหม่ลดลงในช่วง 4 สัปดาห์ถึงกลางเดือนส.ค. แม้ลดลงน้อยกว่าช่วงก่อนหน้านี้ แต่ยอดขายในเดือนก.ค.ยังแตะระดับสูงสุดสำหรับช่วงเวลาเดียวกันนับตั้งแต่ปี 2563
ในบรรดาหุ้นรายตัว หุ้น Dr Martens พุ่งขึ้น 8.5% หลังบริษัทหลักทรัพย์ Peel Hunt ปรับคำแนะนำจากเพิ่มเป็นซื้อ
นักลงทุนรอรายงานเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของสหราชอาณาจักรที่จะเปิดเผยในวันพุธนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันตลาดโลกจะจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็กสันโฮลในวันพฤหัสบดี ซึ่งเจอโรม พาวเวล อาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ