ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่ขยับในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมที่แจ็กสันโฮลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และในเวลาเดียวกัน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงกรอบการค้าตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 559.07 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.00%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,938.29 จุด ลดลง 34.74 จุด หรือ -0.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,293.34 จุด เพิ่มขึ้น 16.37 จุด หรือ +0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,309.20 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด หรือ +0.23%
บรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางจากทั่วโลกจะเข้าร่วมการประชุมของเฟดที่แจ็กสันโฮล โดยจุดสนใจอยู่ที่การแถลงสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในปีนี้
นักวิเคราะห์คาดว่า พาวเวลจะไม่ให้คำมั่นที่ชัดเจนเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. แต่ตลาดได้สะท้อนความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ไปแล้ว หลังจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ซบเซาเมื่อต้นเดือนส.ค.
EU เปิดเผยว่าจะพยายามผลักดันให้สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ย้อนหลัง หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แถลงรายละเอียดข้อตกลงที่ตกลงกันเมื่อเดือนก่อน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงไวน์และสุรา แต่ก็ยังเปิดทางให้มีการลดภาษีในอนาคต
ส่วนข้อมูลในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนลดลง ขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจในเดือนส.ค. ขยายตัวเร็วขึ้น
ด้านสถานการณ์ยูเครนนั้น สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียได้เรียกร้องให้ยูเครนสละพื้นที่ภูมิภาคดอนบัสทางตะวันออกทั้งหมด, ละทิ้งความตั้งใจในการเข้าร่วมนาโต, ดำรงความเป็นกลาง และห้ามกองทัพตะวันตกเข้าไปในยูเครน
หุ้นกลุ่มยานยนต์ยุโรปปรับตัวลง 0.4% และหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค เช่น กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสินค้าอุปโภคส่วนบุคคลปรับตัวลง หลังจากที่ดีดตัวขึ้นเมื่อวันพุธ
ในทางกลับกัน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวขึ้น 0.9% ส่วนหุ้นกลุ่มกลาโหมดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากเผชิญแรงกดดันในสัปดาห์นี้จากความคาดหวังต่อข้อตกลงสันติภาพยูเครน-รัสเซีย
สำหรับหุ้นรายตัว CTS Eventim ร่วงลง 16.9% รั้งท้าย STOXX 600 และเป็นการร่วงแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2545 หลังบริษัทจำหน่ายบัตรอีเวนต์ของเยอรมนีรายงานผลประกอบการไตรมาสสองต่ำกว่าคาด
หุ้น WH Smith ร่วงลง 42.3% ซึ่งเป็นการร่วงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากผู้ค้าปลีกด้านการท่องเที่ยวของอังกฤษปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีของธุรกิจในอเมริกาเหนือ
ขณะที่หุ้น Aegon บริษัทประกันจากเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 7.6% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี และนำตลาด STOXX 600 หลังจากประกาศเพิ่มโครงการซื้อหุ้นคืนเป็น 400 ล้านยูโร (466 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีแผนย้ายสำนักงานใหญ่กลับไปยังสหรัฐฯ