ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ (28 ส.ค.) หลังจากที่เหม่ยถวน (Meituan) แพลตฟอร์มส่งอาหารชั้นนำของจีน เตือนว่าอาจจะเผชิญกับการขาดทุนครั้งใหญ่ในไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่อินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลที่ต่ำกว่าคาด และยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาสปัจจุบันที่น่าผิดหวัง
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 24,998.82 จุด ลดลง 202.94 จุด หรือ -0.81%
เหม่ยถวนเปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 ดิ่งลง 97% สู่ระดับ 365.3 ล้านหยวน (51 ล้านดอลลาร์) แม้ว่ารายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% พร้อมกับเตือนว่าบริษัทอาจขาดทุนจำนวนมากในไตรมาส 3/2568 โดยคำเตือนดังกล่าวยิ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน หลังจากมูลค่าตลาดของเหม่ยถวนในปีนี้หายไปแล้วประมาณหนึ่งในสี่ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางรายยังได้ปรับลดคำแนะนำด้านการลงทุนของหุ้นเหม่ยถวนลงด้วย
กำไรที่ทรุดตัวลงอย่างหนักแสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มส่งอาหารชั้นนำของจีนรายนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี จากคู่แข่งอย่างอาลีบาบา (Alibaba) และเจดีดอทคอม (JD.com) ที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีบทบาทในตลาดส่งอาหารในจีนเท่าใดนัก แต่ในปีนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปเมื่อเจดีดอทคอมซึ่งกำลังมองหาการเติบโตในช่วงที่การบริโภคซบเซา และเอ้อเลอมา (Ele.me) ธุรกิจส่งอาหารในเครือของอาลีบาบา เริ่มเสนอส่วนลดให้กับผู้บริโภคที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน
เฉิน เส้าฮุย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเหม่ยถวนคาดการณ์ว่า ธุรกิหลักในจีนของเหม่ยถวนซึ่งรวมถึงธุรกิจส่งอาหาร มีแนวโน้มขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน อินวิเดียเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2569 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค. 2568 แต่รายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ อินวิเดียคาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/2568 จะอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.31 หมื่นล้านดอลลาร์
ตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่น่าผิดหวังของอินวิเดียทำให้ตลาดมีความกังวลว่า การลงทุนครั้งใหญ่ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจเริ่มสูญเสียแรงผลักดัน และทำให้เกิดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความยั่งยืนของแรงขับเคลื่อนตลาดในปีนี้ นอกจากนี้ ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวยังส่งสัญญาณว่าการเติบโตของบริษัทกำลังอ่อนแรงลง หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการใช้จ่ายด้าน AI