ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (10 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ล (Apple) อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นออราเคิล (Oracle) รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,490.92 จุด ลดลง 220.42 จุด หรือ -0.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,532.04 จุด เพิ่มขึ้น 19.43 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,886.06 จุด เพิ่มขึ้น 6.57 จุด หรือ +0.03%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.3% จากระดับ 3.1% ในเดือนก.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ค.
ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเต็ม 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และให้น้ำหนัก 10% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
หุ้นออราเคิล ทะยานขึ้น 36% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ของธุรกิจ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) จะพุ่งขึ้น 77% สู่ระดับ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบการเงินปัจจุบัน จากที่เดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 70% และคาดว่ารายได้ OCI จะพุ่งแตะ 1.44 แสนล้านดอลลาร์ภายใน 4 ปีข้างหน้า
การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นออราเคิลส่งผลให้ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัททะยานขึ้นแตะระดับ 9.22 แสนล้านดอลลาร์ แซงหน้าบริษัทรายใหญ่อย่างอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly), เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) และวอลมาร์ท (Walmart)
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI และชิปปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 3.8%, หุ้นบรอดคอม (Broadcom) ทะยานขึ้น 10% และหุ้นเอเอ็มดี (AMD) ดีดตัวขึ้น 2.4% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 2.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ดี หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 3.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนมองว่าแอปเปิ้ลยังตามหลังคู่แข่งในศึกชิงความเป็นเจ้าตลาด AI นอกจากนี้ การที่แอปเปิ้ลเปิดตัว iPhone 17 Series ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนส.ค. จะเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 3.1% เช่นกันในเดือนก.ค.