ดาวโจนส์พลิกร่วงแดนลบ ซื้อขายผันผวน หลังตลาดดีดตัวช่วงแรก

ข่าวต่างประเทศ Monday September 15, 2025 23:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังตลาดดีดตัวขึ้นในช่วงแรก

ณ เวลา 22.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 45,811.59 จุด ลบ 22.63 จุด หรือ 0.05%

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขานรับสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับบริษัท ติ๊กต๊อก (TikTok) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้รับปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังมีรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ได้เข้าซื้อหุ้นเทสลาครั้งใหญ่ ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ความเชื่อมั่นของนายอีลอน มัสก์ต่อทิศทางบริษัท

ทั้งนี้ นายมัสก์เปิดเผยในวันนี้ว่า เขาได้ซื้อหุ้นเทสลาจำนวน 2.57 ล้านหุ้นในวันศุกร์ คิดเป็นมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นเทสลาครั้งแรกของนายมัสก์นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และครั้งใหญ่ที่สุดของเขา หลังจากที่ได้เข้าซื้อหุ้นราว 200,000 หุ้น มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563

นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวในวันนี้ว่า สหรัฐและจีนได้บรรลุกรอบข้อตกลงเกี่ยวกับ TikTok แล้ว

"นี่เป็นเรื่องระหว่างบริษัทเอกชนสองแห่ง แต่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุเงื่อนไขเชิงพาณิชย์แล้ว" นายเบสเซนต์กล่าว และเสริมว่า กรอบข้อตกลงดังกล่าวจะปูทางให้ TikTok กลายเป็นบริษัทที่สหรัฐถือครองกรรมสิทธิ์

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โพสต์ข้อความใน Truth Social วันนี้ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงกับจีนเกี่ยวกับ TikTok และปธน.ทรัมป์จะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันศุกร์นี้

"การประชุมการค้าครั้งใหญ่ในยุโรประหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เป็นไปอย่างดีมาก! โดยการประชุมดังกล่าวจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า"

"นอกจากนี้ ที่ประชุมยังสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับ "บริษัทแห่งหนึ่ง" ที่คนหนุ่มสาวในประเทศของเราอยากให้ช่วยรักษาไว้ พวกเขาจะต้องดีใจมาก! และผมจะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันศุกร์นี้ ความสัมพันธ์ยังคงแข็งแกร่งมาก!!!" ปธน.ทรัมป์ระบุ

ทั้งนี้ ไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok เผชิญเส้นตายในการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐภายในวันที่ 17 ก.ย. มิฉะนั้น TikTok จะถูกยกเลิกบริการในสหรัฐ

นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ โดยเฟดจะเริ่มวัฏจักรปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้

ทั้งนี้ เฟดเริ่มส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาในเดือนก.ค. จากการที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9-2 ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว โดยกรรมการ 9 รายลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ส่วนอีก 2 รายคือนางมิเชล โบว์แมน และนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด มีความเห็นสนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม และตลาดแรงงานอาจเริ่มอ่อนแอในไม่ช้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 ที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกโดยมีสมาชิกมากกว่า 1 รายโหวตสวนมติของที่ประชุมใหญ่ FOMC

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมเดือนต.ค.และธ.ค.

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังเสร็จสิ้นการประชุมวันที่ 17 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ รายงาน Dot Plot ครั้งล่าสุดในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้, ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2570 โดย Dot Plot บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1% ในช่วงปี 2568-2570


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ