ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ (17 ก.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบสี่ปี โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปรับตัวขึ้นคึกคัก ประกอบกับตลาดขานรับความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงขายติ๊กต๊อก (TikTok) ในสหรัฐฯ รวมถึงสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตลอดจนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะประกาศลดดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 26,908.39 จุด พุ่งขึ้น 469.88 จุด หรือ +1.78%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้น 3.5% ตามทิศทางหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดนิวยอร์กที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้
หุ้น Nio ทะยาน 11%, หุ้น Shandong Hi-Speed พุ่งขึ้น 17.6%, หุ้น SMIC ทะยาน 7.2%, หุ้น Meituan เพิ่มขึ้น 5.1%, หุ้น Kuaishou Tech บวก 3.3% และหุ้น Tencent Holdings บวก 2.6%
หุ้น Baidu พุ่งขึ้นเกือบ 16% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 ขณะที่หุ้นของ Alibaba พุ่งขึ้น 5% แตะที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565
นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อพยุงตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างมาก นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด ตลอดจนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน ตลาดขานรับข่าวสหรัฐฯ และจีนบรรลุกรอบข้อตกลงเกี่ยวกับบริษัท ติ๊กต๊อก (TikTok) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันศุกร์นี้ (19 ก.ย.)
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันอังคาร (16 ก.ย.) เพื่อขยายเส้นตายการแยกกิจการติ๊กต๊อกในสหรัฐฯ ออกจากไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่สัญชาติจีน ออกไปจนถึงวันที่ 16 ธ.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีมุมมองบวกหลังจากที่ จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง แถลงนโยบายประจำปี โดยให้คำมั่นว่าจะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ กระตุ้นการท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี