ตลาดหุ้นเอเชียปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ในภาคเช้าวันนี้ (19 ก.ย.) หลังจากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาด
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 45,652.08 จุด เพิ่มขึ้น 348.65 จุด หรือ +0.77%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,576.59 จุด เพิ่มขึ้น 31.74 จุด หรือ +0.12% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,830.65 จุด ลดลง 1.00 จุด หรือ -0.03%
ดัชนี ASX/S&P 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.77% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ทรงตัว
คณะกรรมการเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (17 ก.ย.) ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2570
ขณะที่ในวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% หลังสิ้นสุดการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลาสองวัน
ทั้งนี้ BOJ คงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับปัจจุบันในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากดำเนินมาตรการผ่อนคลายเป็นพิเศษมานานนับ 10 ปี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานช่วงเช้านี้ กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ค. และเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเดือนที่สาม เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลดลง