ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (19 ก.ย.) หลังจากรายงานระบุว่าการกู้ยืมของอังกฤษสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านการคลัง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,216.67 จุด ลดลง 11.44 จุด หรือ -0.12%
การกู้ยืมของอังกฤษพุ่งเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับแผนการจัดเก็บภาษีและการใช้จ่ายของรัฐบาล ทำให้ความท้าทายของราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังในการจัดทำงบประมาณเดือนพ.ย. ยิ่งซับซ้อนขึ้น
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคชาวอังกฤษมีทัศนคติเป็นลบมากขึ้นในเดือนนี้ โดยแนวโน้มการปรับขึ้นภาษีบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ปอนด์อ่อนค่าลงและเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดในกลุ่มประเทศ G10 ซึ่งสะท้อนความกังวลของนักลงทุนที่ว่า รีฟส์อาจไม่สามารถควบคุมงบประมาณได้ตามเป้าหมาย
ยอดค้าปลีกของอังกฤษเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ความกังวลทางเศรษฐกิจโดยรวมทำให้นักลงทุนยังระมัดระวังในการซื้อขาย
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คงอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ตามที่ตลาดคาดไว้ หลังปรับลด 0.25% ในเดือนส.ค. เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่ยังสูง รวมถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่ไม่แน่นอน
บริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ รวมทั้ง Goldman Sachs, Citigroup และ JPMorgan คาดว่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ หลัง BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสัปดาห์นี้
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ แคนาดา และนอร์เวย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งช่วยสร้างความหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
หุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 2.2% หลังหุ้น WPP Plc ร่วง 5.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองโลหะมีค่า เพิ่มขึ้น 5% หลังราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้น Fresnillo, Hochschild และ Endeavour Mining พุ่งขึ้นระหว่าง 4.5%5.2%