ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (29 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนจับตาความเป็นไปได้ที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อาจปิดทำการชั่วคราว
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,299.84 จุด เพิ่มขึ้น 15.01 จุด หรือ +0.16%
หุ้นกลุ่มประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนหุ้นเฮลท์แคร์บวก 1% ตามแรงหนุนจากหุ้น GSK ที่พุ่งขึ้น 2.1% หลังจากบริษัทประกาศว่า เอ็มมา วอล์มสลีย์ จะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ และจะถูกแทนที่โดย ลุค มีลส์ ผู้บริหารภายในบริษัท โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนมองว่า การมีผู้นำคนใหม่ที่รู้จักธุรกิจเป็นอย่างดีอาจช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ให้กับบริษัทที่กำลังเดินหน้าอย่างถูกทิศทาง
ดัชนีหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้น 2.2% โดยหุ้น Berkeley เพิ่มขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แต่งตั้ง นีล อีดี ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินประจำสายงาน เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองโลหะพุ่งขึ้น 2.1% ตามราคาทองคำซึ่งปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดประชุมกับแกนนำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาคองเกรสเพื่อหารือการขยายกรอบงบประมาณ หากไม่สามารถตกลงกันได้ การชัตดาวน์จะเริ่มขึ้นในวันพุธนี้ และจะกระทบต่อการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษย้ำความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบทางเศรษฐกิจ พร้อมโต้เสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ด้านการคลัง ขณะที่ เดฟ แรมส์เดน รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ระบุว่าตลาดแรงงานของอังกฤษอ่อนแอลง และการเติบโตของค่าจ้างกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้เขามั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยสามารถปรับลดลงได้ และอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ
บรรดานักลงทุนยังรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาสสองของอังกฤษที่จะประกาศในวันอังคารนี้