ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดลบในวันนี้ (1 ต.ค.) นับเป็นวันทำการที่ 4 ติดต่อกันแล้ว โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลต่อผลพวงอันเนื่องมาจากการที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ บางส่วนจำต้องปิดทำการลง ตลอดจนได้รับปัจจัยลบจากแรงเทขายทำกำไร
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 44,550.85 จุด ลดลง 381.78 จุด หรือ -0.85%
หุ้นที่ปรับตัวลงนำตลาดได้แก่กลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์
โบรกเกอร์กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่าการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งผลให้การประกาศตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจต้องล่าช้าออกไป โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานอันเป็นหัวใจสำคัญ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็จะขาดข้อมูลเบาะแสสำหรับใช้พิจารณาว่าควรจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่
ยูตะ โอกาโมโตะ นักวิเคราะห์ตลาดจาก Tokai Tokyo Intelligence Laboratory Co. ให้ความเห็นว่า "ตลาดจะตกอยู่ในสภาพที่ขาดแรงจูงใจในการซื้อขาย เพราะขาดข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ ๆ มาชี้นำ แต่ถ้าพิจารณาจากเหตุการณ์ทำนองเดียวกันในอดีต ก็พอจะบ่งชี้ได้ว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดน่าจะอยู่ในวงจำกัด"
นอกจากนี้ ตลาดเองก็ยังถูกกดดันจากแรงเทขายทำกำไร และการขายหุ้นเพื่อปรับสถานะการลงทุน เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นครึ่งหลังของปีงบการเงินของญี่ปุ่น
หุ้นในกลุ่มธนาคารถูกเทขายหลังจากที่ราคาได้ทะยานขึ้นไปก่อนหน้า ประกอบกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ (ทังกัน) ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งแม้จะออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็ไม่ได้ช่วยจุดประกายความหวังเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มผู้ส่งออกปรับตัวลดลงเนื่องจากเงินเยนแข็งค่าขึ้น