ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกพุ่งขึ้นเกือบ 100 จุด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือชัตดาวน์
ณ เวลา 20.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 93 จุด หรือ 0.20% สู่ระดับ 47,051 จุด
ทั้งนี้ การชัตดาวน์ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 7 หลังจากวุฒิสภาสหรัฐประสบความล้มเหลวเป็นครั้งที่ 5 ในการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราววานนี้ ท่ามกลางความหวังริบหรี่ ขณะที่ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
สหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี และครั้งที่ 3 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เหตุการณ์ชัตดาวน์ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 15 นับตั้งแต่ปี 2524 และกำลังมีแนวโน้มจะกลายเป็นการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์สหรัฐ โดยจะมีระยะเวลามากกว่าการชัตดาวน์ 6 วันที่เกิดขึ้นในปี 2538 ส่วนการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดกินเวลาถึง 35 วัน โดยเกิดขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.2561-25 ม.ค.2562 ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะเผชิญแรงกดดันให้หาทางยุติภาวะชัตดาวน์ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ทหารประจำการกว่า 1.3 ล้านนาย รวมทั้งสมาชิกกองกำลังพิทักษ์ชาติหลายแสนนาย และเจ้าหน้าที่พลเรือนจำนวนมากของกระทรวงกลาโหม จะไม่ได้รับเงินเดือนตามกำหนดในวันที่ 15 ต.ค. หากการชัตดาวน์ยังคงยืดเยื้อต่อไป
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกัน ซึ่งครองทำเนียบขาวและมีเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องการผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อคงการจัดสรรงบประมาณในระดับปัจจุบันไปจนถึงวันที่ 21 พ.ย. โดยพวกเขาจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจากพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 7 เสียงในวุฒิสภาเพื่อผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว
อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตยื่นข้อเรียกร้องหลายประการ รวมถึงการให้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวต้องมีการขยายสิทธิประโยชน์ด้านภาษี Obamacare ที่เพิ่มขึ้น ก่อนที่จะหมดอายุในช่วงสิ้นปีนี้ โดยสิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับผู้เอาประกันจำนวนมากที่ลงทะเบียนในโครงการประกันสุขภาพตามกฎหมาย Affordable Care Act แต่พรรครีพับลิกันปฏิเสธ โดยกล่าวหาว่าเดโมแครตกำลัง "จับรัฐบาลเป็นตัวประกัน" เนื่องจากไม่ยอมให้มีการผ่านงบประมาณ เว้นแต่จะได้ตามข้อเรียกร้องด้านสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
แกนนำรีพับลิกันยืนยันว่า การผ่านร่างกฎหมายต่ออายุการจัดสรรงบประมาณแบบ "สะอาด" ของพวกเขา โดยไม่มีการพ่วงสิทธิประโยชน์ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกัน ไม่ใช่เกมการเมือง และการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องปิดหน่วยงานรัฐบาล
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยธนาคารชุมชนที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 08.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.30 น.ตามเวลาไทย
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐจากภาวะชัตดาวน์
นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังสหรัฐเผชิญภาวะชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 92.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 79.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.