ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (7 ต.ค.) ขณะนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามทิศทางตลาดภายหลังการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ก่อน โดยแรงหนุนจากหุ้นพลังงานรายใหญ่ช่วยชดเชยการปรับตัวลงของตลาดโดยรวม
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,483.58 จุด เพิ่มขึ้น 4.44 จุด หรือ +0.05%
ดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีกลดลง 1.1% โดยหุ้น B&M ร่วง 7.8% หลังผู้ค้าปลีกสินค้าราคาประหยัดรายนี้เตือนว่ากำไรทั้งปีอาจลดลงจากยอดขายที่ซบเซา
ผลการสำรวจล่าสุดจาก Halifax ระบุว่า ราคาบ้านในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นเพียง 1.3% ในรอบ 12 เดือน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้และเป็นอัตราการเติบโตที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 ส่งผลให้หุ้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เช่น Vistry และ Bellway ร่วงลง 3% และ 1.1% ตามลำดับ และฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าในครัวเรือนและก่อสร้างลดลง 1%
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นราว 1% โดยหุ้น Shell เพิ่มขึ้น 1.5% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในไตรมาส 3
ดัชนี FTSE 100 เพิ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ก่อน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ที่กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุน หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ทำข้อตกลงกับ Pfizer ซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนในภาคธุรกิจนี้ โดยดัชนียังแตะระดับสูงสุดระหว่างวันในวันจันทร์ แต่ปรับตัวลงในภายหลังเมื่อการลาออกของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสสร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังและการเมือง
นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดจะอยู่ในภาวะรอดูท่าทีต่อไป เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ ๆ และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดทำการบางส่วนหรือชัตดาวน์
ในบรรดาหุ้นรายตัว หุ้น Imperial Brands พุ่งขึ้น 3.4% หลังผู้ผลิตบุหรี่แบรนด์ Winston ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมมูลค่า 1.45 พันล้านปอนด์ (1.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ส่วนหุ้น Rentokil พุ่งขึ้น 3.9% หลัง Bernstein ปรับคำแนะนำลงทุนขึ้นสองระดับจาก "underperform" เป็น "outperform" และหุ้น Burberry พุ่งขึ้น 3% ตามแรงหนุนของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราในยุโรป