ดาวโจนส์พุ่งกว่า 400 จุด นักลงทุนคลายกังวลการค้าสหรัฐฯ-จีน

ข่าวต่างประเทศ Monday October 13, 2025 21:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะ "เป็นไปด้วยดี" แม้ความตึงเครียดทางการค้ากลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งก็ตาม

ณ เวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 45,938.80 จุด เพิ่มขึ้น 459.20 จุด หรือ +1.01%

หุ้น AMD, Nvidia และ Oracle ทะยานกว่า 3% ขณะที่หุ้น Broadcom พุ่งขึ้นกว่า 7%

ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 ต.ค.) จีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตสินค้าไฮเทค

ต่อมาในวันศุกร์ (10 ต.ค.) ทรัมป์ได้ออกมากล่าวหาจีนว่ามีท่าที "เป็นปรปักษ์อย่างยิ่ง" และกำลังจับสหรัฐฯ และทั่วทั้งโลกเป็นตัวประกัน ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออก พร้อมประกาศว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีนทั้งหมด และคุมเข้มการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ (12 ต.ค.) เมื่อถูกถามว่าการเก็บภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวยังคงเป็นแผนการอยู่หรือไม่ โดยทรัมป์ตอบว่า "ใช่ในตอนนี้" แต่ "มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น" พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า สำหรับหลายคน วันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเขากำหนดให้เป็นวันที่อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้นั้น อาจฟังดูเหมือนใกล้เข้ามาแล้ว แต่สำหรับตัวเขาเอง กลับมองว่าเป็นเวลาที่ยาวนานมาก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ายังมีช่องว่างให้ทั้งสองประเทศสามารถถอยออกจากความขัดแย้งได้

ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจีน โดยระบุว่า "ท่านประธานาธิบดีสีเพิ่งมีช่วงเวลาที่แย่ เขาไม่ต้องการภาวะเศรษฐกิจตกต่ำสำหรับประเทศของเขา และผมก็ไม่ต้องการเช่นกัน สหรัฐฯ ต้องการช่วยจีน ไม่ใช่ทำร้าย"

ขณะเดียวกัน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมีกำหนดการพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งรายงานดังกล่าวช่วยคลายความกังวลของนักลงทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯ เปรยว่าอาจยกเลิกการพบกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ