ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 15.40 จุด ตลาดคลายวิตกสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 14, 2025 06:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (13 ต.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนปรนท่าทีเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้ากับจีน ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,442.87 จุด เพิ่มขึ้น 15.40 จุด หรือ +0.16%

ดัชนี FTSE 100 ฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลง 0.9% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 100% ทำให้เกิดความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ของโลกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ ทรัมป์ได้แสดงท่าทีประนีประนอมมากขึ้น โดยโพสต์ข้อความว่า "ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี" และยืนยันว่าสหรัฐฯ ไม่มีเจตนาจะ "ทำร้าย" จีน

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวขึ้นเกือบ 10% หลังราคาทองคำพุ่งทะลุ 4,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในวันเดียวกัน โดยหุ้น Fresnillo และ Endeavour พุ่งขึ้น 9.1% และ 11.3% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 3.1% ตามทิศทางราคาทองแดง โดยหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเหมืองแร่ เช่น Anglo American, Glencore และ Rio Tinto บวกขึ้นระหว่าง 2% ถึง 4.1% ส่งผลช่วยหนุนตลาดโดยรวม

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมหลังจาก เมแกน กรีน กรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งเคยร่วมโหวตให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4% เมื่อเดือนก่อน ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยน่าจะมีแนวโน้มปรับลดลงอีก แต่เธอเตือนว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรที่อ่อนลงโดยทั่วไปอาจเริ่มชะลอตัว

ในอีกด้านหนึ่ง การควบรวมและเข้าซื้อกิจการรอบล่าสุดช่วยหนุนหุ้นกลุ่มขนาดกลาง โดย Blackstone บริษัทไพรเวตอิควิตีรายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นของการพิจารณาข้อเสนอซื้อกิจการด้วยเงินสดกับบริษัท Big Yellow Group ส่งผลให้หุ้นของบริษัทคลังเก็บของดังกล่าวพุ่งขึ้น 15.4% ส่วนคู่แข่งอย่าง Safestore ก็พุ่งขึ้น 9.4% จากข่าวนี้

หุ้น Tritax Big Box พุ่งขึ้นเกือบ 3.8% หลังจาก Blackstone ตกลงเข้าซื้อหุ้น 9% ในทรัสต์อสังหาริมทรัพย์ของสหราชอาณาจักร โดย Tritax ยังได้ตกลงซื้อสินทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ของ Blackstone ในสหราชอาณาจักร มูลค่า 1.04 พันล้านปอนด์ (1.39 พันล้านดอลลาร์) ส่งผลให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยรวมปรับตัวขึ้น 2.6%

ด้านหุ้นรายตัวอื่น ๆ นั้น หุ้น Oxford Instruments ร่วงลง 7.6% หลังบริษัทคาดว่ารายได้ครึ่งปีแรกจะลดลง และช่องว่างดังกล่าวไม่น่าจะสามารถชดเชยได้ในช่วงต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ