ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผสมผสานในวันนี้ (14 ต.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยล่าสุดรัฐบาลจีนได้เริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือสหรัฐฯ ที่เข้ามาเทียบท่าในท่าเรือของจีน เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะเดียวกันกับเรือของจีน โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,839.07 จุด ลดลง 50.41 จุด หรือ -0.19%, ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 47,520.57 จุด ลดลง 568.23 จุด หรือ -1.18% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,897.56 จุด เพิ่มขึ้น 8.06 จุด หรือ +0.21%
ดัชนี ASX/S&P 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียทรงตัว ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดีดตัวขึ้น 1.01%
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ หลังจากที่พรรคโคเม (Komeito) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) มาอย่างยาวนาน ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ซึ่งสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพรัฐบาลและเส้นทางการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของซานาเอะ ทาคาอิจิ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเช้าวันนี้ กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3/2568 ของสิงคโปร์ ขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 1.9%
ทางด้านธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่งมากกว่าคาดในไตรมาส 3 แม้สิงคโปร์ยังเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าทั่วโลกที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
ทั้งนี้ MAS ซึ่งใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือนโยบายหลักแทนอัตราดอกเบี้ย เปิดเผยว่า คณะกรรมการ MAS จะคงความชัน ความกว้าง และจุดกึ่งกลางของกรอบนโยบายการเงินไว้เช่นเดิม โดย MAS ได้คงนโยบายการเงินที่ระดับดังกล่าวตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้