ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ (31 ต.ค.) โดยปิดในแดนลบ 3 วันทำการติดต่อกัน หลังจีนเปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ดัชนี PMI นอกภาคการผลิตขยายตัวเพียงเล็กน้อย
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 25,906.65 จุด ร่วงลง 376.04 จุด หรือ -1.43%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงนำตลาด โดยหุ้น SMIC ร่วงลง 5.4%, Tencent Holdings ลดลง 2.9% และ Kuaishou Tech ลดลง 2.7%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตลดลงสู่ระดับ 49.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 49.8 ในเดือนก.ย. โดยดัชนี PMI เดือนต.ค.ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.6
กิจกรรมด้านการผลิตของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัวนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากร ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อโรงงานต่าง ๆ ของจีน และส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก
ส่วนดัชนี PMI นอกภาคการผลิต ซึ่งรวมถึงการบริการและการก่อสร้าง เพิ่มขึ้นแตะระดับ 50.1 ในเดือนต.ค. จากระดับ 50 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 50
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงมีความกังวลแม้ว่าจีนและสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงสงบศึกทางการค้า เนื่องจากผู้นำทั้งสองไม่ได้ลงนามในข้อตกลงใด ๆ และไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมกันหลังการประชุม นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับผลการประชุมมาจากฝั่งสหรัฐฯ มากกว่า ในขณะที่การแสดงความเห็นหรือถ้อยแถลงจากฝ่ายจีนยังมีออกมาน้อยกว่า ซึ่งบ่งชี้ว่าข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 3.75%-4.00% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (29 ต.ค.) ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่กรรมการเฟดแทบไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะที่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในวันข้างหน้า