ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (3 พ.ย.) จากแรงขายหุ้นกลุ่มวัตถุดิบและสาธารณูปโภค ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่หลายแห่งในสัปดาห์นี้ รวมถึงการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,701.37 จุด ลดลง 15.88 จุด หรือ -0.16%
บริษัทรายใหญ่เตรียมเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ อาทิ AstraZeneca, BP, Diageo และ IAG เจ้าของสายการบิน British Airways
ขณะเดียวกัน ตลาดคาดว่า BoE จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อและค่าจ้างที่อ่อนตัวลงล่าสุดอาจสนับสนุนแนวโน้มการลดดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มที่กดดันตลาดมากที่สุด โดยร่วงลง 2.2% นำโดยหุ้น Rio Tinto และหุ้น Glencore ที่ต่างร่วงมากกว่า 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคก็ปรับตัวลงเช่นกัน โดยบริษัทระดับกลางอย่าง Pennon Group, Renewable Infrastructure Group และ Greencoat UK Wind ร่วงลงระหว่าง 2.8% ถึง 4.7%
หุ้น Frasers ร่วง 5.4% หลังจาก RBC ปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "outperform" เป็น "sector perform" ส่วน Vodafone Group ร่วงลง 5.2% หลัง UBS ปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "neutral" เป็น "sell"
สำหรับกลุ่มที่หนุนตลาดนั้น หุ้นกลุ่มการเงิน โดยเฉพาะบริษัทประกันชีวิตและธนาคาร เป็นกลุ่มที่ให้แรงหนุนมากที่สุด ขณะที่หุ้น Ceres Power Holdings พุ่งขึ้น 11.1% หลัง Goldman Sachs เพิ่มชื่อบริษัทพลังงานสะอาดรายนี้เข้าใน "European Conviction List" หรือรายชื่อหุ้นยุโรปที่แนะนำให้ซื้อ
หุ้น Airtel Africa ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า โดยพุ่งขึ้น 5.9% หลังรายงานผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ก่อน
ด้านเศรษฐกิจนั้น ข้อมูลดัชนี PMI ของ S&P Global ระบุว่า โรงงานในอังกฤษมีกิจกรรมการผลิตแข็งแกร่งที่สุดในรอบหนึ่งปีในเดือนต.ค. แต่ส่วนใหญ่เป็นผลจากการที่ Jaguar Land Rover กลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้งหลังเผชิญเหตุโจมตีทางไซเบอร์