ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (4 พ.ย.) สวนทางกับแนวโน้มตลาดทั่วโลกที่ปรับตัวลง โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,714.96 จุด เพิ่มขึ้น 13.59 จุด หรือ +0.14%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำและทองแดงลดลง ทั้งกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าและกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมต่างร่วงลงกว่า 1.7%
หุ้นกลุ่มการเงินก็อ่อนตัวลงเช่นกัน โดยกลุ่มประกันภัยลดลง 1.3% และกลุ่มวาณิชธนกิจลดลง 0.3% ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมการบินและกลาโหมลดลง 1.2% โดยหุ้น Senior ร่วงลง 2.9%
บรรยากาศเชิงลบครอบคลุมตลาดทั่วโลก โดยตลาดหุ้นเยอรมนีและฝรั่งเศสต่างปรับตัวลดลง และดัชนี STOXX 600 ของยุโรปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนต.ค. ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เคลื่อนไหวในแดนลบเช่นกัน
แต่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ในตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น 1.3% ซึ่งช่วยชดเชยแรงขายจากหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ขณะที่เงินปอนด์ที่อ่อนค่าก็ช่วยหนุนตลาดด้วย หลังจาก ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังกล่าวเตือนว่า รัฐบาลจะต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากก่อนการแถลงงบประมาณประจำปีครั้งที่สองในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษปรับตัวลงหลังคำกล่าวของรีฟส์
หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.3% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้น Diversified Energy ที่พุ่งขึ้น 8.1% หลังจากปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรประจำปี ส่วนหุ้น BP ปรับขึ้น 1.3% หลังรายงานกำไรพื้นฐานไตรมาส 3 ลดลงน้อยกว่าที่คาด
ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในวันพฤหัสบดีนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเงินเฟ้อและค่าจ้างที่อ่อนตัวลงล่าสุดอาจเพิ่มน้ำหนักให้กับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ในบรรดาหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Associated British Foods ร่วงลง 3% หลังประกาศว่าอาจแยกธุรกิจแฟชั่นค้าปลีก Primark ออกจากธุรกิจอาหาร พร้อมรายงานว่ากำไรทั้งปีลดลง 13%