ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลดลงในวันนี้ (5 พ.ย.) โดยปิดในแดนลบ 2 วันทำการติดต่อกัน ตามทิศทางตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปิดร่วงลงในวันอังคาร (4 พ.ย.) ขณะที่ผลสำรวจของภาคเอกชนบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคบริการของจีนชะลอตัวลงในเดือนต.ค.
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 25,935.41 จุด ลดลง 16.99 จุด หรือ -0.07%
หุ้น Chery ร่วงลง 3.7%, Xpeng ลบ 1.4%, Li Auto ขยับลง 0.6%, Prada ร่วงลง 3.3%, SenseTime ลดลง 3.1% และ Sunny Optical Tech ลดลง 2.2%
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงหลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตือนว่า ตลาดหุ้นอาจเข้าสู่ภาวะปรับฐาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป และอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น
เดวิด โซโลมอน ซีอีโอของธนาคาร Goldman Sachs กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ตลาดหุ้นจะปรับฐานลงราว 10-20% ภายในเวลา 12-24 เดือนข้างหน้า" ขณะที่ เท็ด พิค ซีอีโอของธนาคาร Morgan Stanley กล่าวว่า "เราควรเตรียมตัวรับมือการปรับฐานราว 10-15% ซึ่งไม่ได้เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจระดับมหภาค"
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน หรือ RatingDog China Services PMI ซึ่งรวบรวมโดย S&P Global ปรับตัวลงแตะระดับ 52.6 ในเดือนต.ค. จากระดับ 52.9 ในเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงขยายตัว
ดัชนีฮั่งเส็งลดช่วงลบ หลังจากที่หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ได้แสดงมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของจีนจะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 170 ล้านล้านหยวน (23.9 ล้านล้านดอลลาร์) ภายในระยะเวลา 5 ปี พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าจีนเป็นตลาดที่กำลังเติบโตสำหรับบริษัทระดับโลก ในขณะที่รัฐบาลพยายามบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับภาวะไร้สมดุลทางการค้าของประเทศ
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจีน ได้แก่ ดุลการค้าเดือนต.ค. (วันศุกร์ที่ 7 พ.ย.) และข้อมูลเงินเฟ้อ (วันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย.)