ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวปิดบวกในวันพุธ (5 พ.ย.) หลังจากร่วงลงในช่วงเช้า เนื่องจากการขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 571.90 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด หรือ +0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,074.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,049.74 จุด เพิ่มขึ้น 100.63 จุด หรือ +0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,777.08 จุด เพิ่มขึ้น 62.12 จุด หรือ +0.64%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ร่วงลงมากที่สุดในช่วงเช้า ได้ลดช่วงติดลบลงเหลือเพียง 0.1%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มทรงตัวหลังถูกเทขายจากความกังวลเรื่องการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปทั่วโลกในสัปดาห์นี้ และข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนในเดือนต.ค. ฟื้นตัว
ความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นกลับมาอีกครั้งในสัปดาห์นี้ที่ตลาดวอลล์สตรีทและเอเชีย หลังจากที่หุ้นหลายตัวทำสถิติสูงสุดในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากความสนใจในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ความเห็นของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร ยิ่งเพิ่มความกังวล ในขณะที่เฟดยังคงมีท่าทีเข้มงวดในการคงอัตราดอกเบี้ย และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดทำการบางส่วน
ฤดูกาลประกาศผลประกอบการในยุโรปผ่านครึ่งทางแล้ว ข้อมูลจาก LSEG แสดงว่า ผลประกอบการของบริษัทยุโรปปรับตัวดีขึ้นมาก แต่ยังทำผลงานด้อยกว่าคู่แข่งสหรัฐฯ
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น เศรษฐกิจยูโรโซนในเดือนต.ค.เติบโตเร็วที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยบรรยากาศเชิงบวกหลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ สูงกว่าคาด
ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลง 1% โดยหุ้น Novo Nordisk ร่วง 4.5% หลังปรับลดประมาณการรายได้ทั้งปี
หุ้น Siemens Healthineers ร่วง 8.6% หลังรายงานยอดขายไตรมาส 4 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน ปรับตัวขึ้น 2.3% โดยหุ้น BMW พุ่งขึ้น 6.8% หลังเผยอัตรากำไรหลักในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น
หุ้น Mercedes-Benz, Renault และ Volkswagen ปรับตัวขึ้นระหว่าง 2.3% ถึง 3.5%
หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.9% โดยหุ้น Vestas พุ่งขึ้น 14.7% หลังรายงานกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3 สูงกว่าคาด และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน