ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญแรงขายรอบใหม่ ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 567.90 จุด ลดลง 4.00 จุด หรือ -0.70%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,964.77 จุด ลดลง 109.46 จุด หรือ -1.36%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,734.02 จุด ลดลง 315.72 จุด หรือ -1.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,735.78 จุด ลดลง 41.30 จุด หรือ -0.42%
ข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกในยูโรโซนลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนก.ย. ซึ่งทำลายความคาดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการบริโภค และเศรษฐกิจเยอรมนีอาจหยุดชะงักในปีนี้หลังจากหดตัวสองปีติดต่อกัน
ธนาคารกลางนอร์เวย์และธนาคารแห่งอังกฤษยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่วนใหญ่ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าที่สูงเกินไป โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียุโรปร่วงลง 1.9%
แต่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น 0.4% สวนทางตลาด โดยหุ้น Novo Nordisk พุ่งขึ้น 1.9% หลัง Pfizer ไม่สามารถใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อหยุดข้อเสนอของ Novo Nordisk ในการเข้าซื้อ Metsera ได้
หุ้น AstraZeneca พุ่งขึ้น 3.1% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 สูงกว่าคาด
หุ้น Novonesis พุ่งขึ้น 6.9% หลังรายงานการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Legrand ของฝรั่งเศสจุดประกายความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าที่สูงในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
Legrand ซึ่งผลิตอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล ร่วงลง 12.2% หนักสุดนับตั้งแต่มี.ค. 2563 หลังรายงานยอดขาย 11.9% ใน 9 เดือนแรกของปี ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย โดยได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ
ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น Schneider Electric และ Siemens Energy ร่วงลง 2.9% และ 2.5% ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนพิจารณาผลตอบแทนในตลาดที่เพิ่งปรับตัวขึ้นจากความตื่นตัวด้าน AI
หุ้น Zalando พุ่งขึ้น 6.6% หลังผู้ค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์ประกาศแผนขยายธุรกิจเสื้อผ้ากีฬา พร้อมพันธมิตรฟุตบอลเยอรมันและรายงานการเติบโตในไตรมาส 3 สูงขึ้น
หุ้น DHL พุ่งขึ้น 8.6% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3 สูงกว่าคาด
ส่วนหุ้น Commerzbank ร่วงลง 2% หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 ลดลงเกินคาด