ดัชนีดาวโจนส์ รวมทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ณ เวลา 00.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลบ 411.86 จุด หรือ 0.88% สู่ระดับ 46,500.44 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ลบ 1.30% และ 2.12% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากผลสำรวจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 50.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 53.0 จากระดับ 53.6 ในเดือนต.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ดีดตัวเหนือระดับ 20 ในวันนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงความวิตกของนักลงทุน และความผันผวนในตลาด
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ต่างดิ่งลงในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่แพงเกินจริง
ราคาหุ้น Nvidia ร่วงลงมากกว่า 2% ในวันนี้ และทรุดตัวลงมากกว่า 9% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะที่ Oracle ร่วงลงมากกว่า 3% ในวันนี้ และทรุดตัวลง 10% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์
ส่วน Palantir Technologies และ Broadcom ดิ่งลง 14% และ 5% ในสัปดาห์นี้ ตามลำดับ
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 1.4% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลง 1.8% และ 2.8% ตามลำดับ
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
ทั้งนี้ สหรัฐกำลังเผชิญภาวะชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยการชัตดาวน์ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 38 ในวันนี้ (7 พ.ย.) ซึ่งยาวนานกว่าสถิติเดิม 35 วันที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ขณะที่ยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเพื่อให้มีการอนุมัติงบประมาณชั่วคราว
รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีกำหนดเผยแพร่ในวันนี้ แต่สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐไม่สามารถประกาศตัวเลขดังกล่าวเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะชัตดาวน์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รายงานดังกล่าวจะบ่งชี้ว่าสหรัฐลดการจ้างงาน 60,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.5%
นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ หลังจากที่ Challenger, Gray & Christmas ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจ้างงาน เปิดเผยว่า การประกาศเลิกจ้างพนักงานของภาคเอกชนในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นในเดือนตุลาคม เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ทำการปรับโครงสร้างพนักงานให้เหมาะสมกับยุคของ AI ที่กำลังมีการขยายตัว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในตลาดแรงงาน
Challenger ระบุว่า การปลดพนักงานในเดือนตุลาคมมีจำนวนรวม 153,074 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นถึง 183% จากเดือนกันยายน และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 175% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดสำหรับเดือนตุลาคมนับตั้งแต่ปี 2546
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นภาคส่วนที่มีการปลดพนักงานมากที่สุด ขณะที่อยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อตอบรับการนำ AI เข้ามาใช้งาน โดยบริษัทเทคโนโลยีประกาศปลดพนักงาน 33,281 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งมากกว่าเดือนกันยายนเกือบ 6 เท่า
โดยรวมแล้ว ในปีนี้ บริษัทต่าง ๆ ได้ประกาศปลดพนักงานรวมกว่า 1.1 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้น 65% จากปี 2567 และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19