ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (10 พ.ย.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามแรงหนุนของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้น หลังมีสัญญาณว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งประวัติศาสตร์อาจใกล้สิ้นสุดลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,787.15 จุด เพิ่มขึ้น 104.58 จุด หรือ +1.08%
หุ้น Diageo บริษัทผลิตสุรารายใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้น 5.2% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หลังบริษัทแต่งตั้ง เดฟ ลูอิส ขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอ โดยดึงผู้บริหารคนนอกมาช่วยพลิกฟื้นการเติบโตในช่วงเวลาท้าทายของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขาดข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในการประเมินทิศทางนโยบายการเงิน
ก่อนหน้านี้ หุ้นอังกฤษร่วงลงในวันศุกร์จากแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ส่งแรงกระเพื่อมมาถึงตลาดทั่วโลก ขณะธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด
อย่างไรก็ตาม ผลการลงคะแนนที่เฉียดฉิวและสัญญาณบ่งชี้ว่า แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษอาจเข้าร่วมกับฝ่ายที่สนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนคาดว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากรัฐบาลเปิดเผยงบประมาณประจำปี
นักลงทุนยังจับตาข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าและกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมในอังกฤษเพิ่มขึ้น 5.1% และ 1.4% ตามลำดับ หลังราคาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ และราคาทองแดงปรับตัวขึ้น
หุ้น IAG บริษัทแม่ของ British Airways พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากร่วงลง 11.6% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา จากรายงานความต้องการเดินทางในตลาดสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ
หุ้น RHI Magnesita พุ่งขึ้น 16.9% หลังผู้ผลิตวัสดุทนไฟรายนี้รายงานอัตรากำไรที่แข็งแกร่งและยืนยันคาดการณ์ผลประกอบการตลอดทั้งปีอีกครั้ง