ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันอังคาร (11 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอซึ่งเพิ่มความหวังว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจากการที่หุ้น AstraZeneca พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,899.60 จุด เพิ่มขึ้น 112.45 จุด หรือ +1.15%
หุ้น AstraZeneca พุ่งขึ้น 2.6% ตอกย้ำสถานะในฐานะบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในอังกฤษ โดยได้แรงหนุนต่อเนื่องจากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ก่อน
ความคาดหวังว่าธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น หลังมีสัญญาณชัดเจนว่าตลาดแรงงานของอังกฤษชะลอตัว โดยอัตราการว่างงานปรับขึ้นแตะ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่การเติบโตของค่าจ้างยังคงชะลอลง
นักเศรษฐศาสตร์ของ Deutsche Bank ระบุว่า ตลาดแรงงานอังกฤษมีภาวะซบเซาเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (MPC) คาดไว้ในประมาณการเดือนพ.ย. และการขยายตัวของค่าจ้างก็ยังชะลอตัว ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้ถือเป็นสัญญาณบวกต่อคณะกรรมการฯ
ค่าเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ทันทีหลังการเผยแพร่ข้อมูล ก่อนจะกลับมาทรงตัว
ดัชนีหุ้นกลุ่มเภสัชกรรมและกลุ่มเฮลท์แคร์ต่างพุ่งขึ้นกว่า 2.5% โดยหุ้น AstraZeneca ได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากหุ้น GSK ที่พุ่งขึ้น 3% และหุ้น Haleon ซึ่งเป็นกลุ่มเฮลท์แคร์เพื่อผู้บริโภคพุ่งขึ้น 3.2%
ในกลุ่มพลังงาน หุ้น Shell พุ่งขึ้น 2.2% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี ขณะที่หุ้น BP พุ่งขึ้น 2.6% โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย
หุ้น Vodafone พุ่งขึ้น 8.3% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่าสองปี หลังผลประกอบการในเยอรมนีแข็งแกร่งช่วยให้บริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรประจำปี และประกาศเพิ่มเงินปันผลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
หุ้น Oxford Instruments ผู้ผลิตเครื่องมือวิทยาศาสตร์ พุ่งขึ้น 14.9% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี จากแรงหนุนของคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน หุ้น Hilton Food ผู้จัดจำหน่ายอาหาร ดิ่งลง 22.7% แตะระดับต่ำสุดในรอบสิบปี หลังบริษัทเตือนว่าการเติบโตของกำไรอาจเผชิญความท้าทายในปีงบการเงินหน้า