ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนหันไปจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ หลังการยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ และประเมินการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 580.67 จุด ลดลง 3.56 จุด หรือ -0.61%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,232.49 จุด ลดลง 8.75 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,041.62 จุด ลดลง 339.84 จุด หรือ -1.39% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,807.68 จุด ลดลง 103.74 จุด หรือ -1.05%
นักวิเคราะห์ระบุว่า เมื่อการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยาวนานที่สุดสิ้นสุดลงแล้ว นักลงทุนจึงเริ่มขายหุ้นเพื่อทำกำไร
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามในกฎหมายยุติการชัตดาวน์เมื่อวันพุธ โดยเปิดทางให้หน่วยงานรัฐบาลกลับมาเก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต่อการกำหนดนโยบายได้อีกครั้ง
รายงานการจ้างงานของเดือนก.ย. น่าจะเป็นข้อมูลแรกที่จะถูกเปิดเผยในไม่กี่วันข้างหน้านี้ หลังจากผลสำรวจภาคเอกชนเริ่มสะท้อนความอ่อนแอในตลาดแรงงาน นักลงทุนจึงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
หุ้น Siemens ร่วงหนักจากแนวโน้มธุรกิจที่น่าผิดหวัง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยุโรปปรับตัวลง 1.8% โดยหุ้น Siemens ร่วง 9.4% แม้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของยอดขายระยะกลาง แต่ก็ไม่อาจคลายความกังวลของนักลงทุนได้ ท่ามกลางแรงขายทำกำไรและความผิดหวังต่อแนวโน้มกำไรในปีหน้า ทั้งยังเปิดเผยแผนลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Siemens Healthineers
หุ้นกลุ่มบริการการเงิน ร่วงลง 2.3% โดยหุ้น 3i Group ร่วง 17.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังระบุว่ามีความระมัดระวังในการใช้เงินลงทุนครั้งใหม่
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 0.5% ขณะที่กลุ่มพลังงานลดลง 1.2%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Merck บริษัทเฮลท์แคร์สัญชาติเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.9% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 ขยายตัวเล็กน้อย แต่ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้นบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาส 3 ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ โดยถูกบิดเบือนจากข้อมูลของไอร์แลนด์