ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.) หลังทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง 3 วัน โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของอังกฤษซึ่งออกมาต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,807.68 จุด ลดลง 103.74 จุด หรือ -1.05%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงรายวันหนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดโลกผันผวนจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
ดัชนีหุ้นกลุ่มวาณิชธนกิจและโบรกเกอร์ปรับตัวลงต่อเนื่องจากช่วงเช้าและปิดร่วงลง 7.8%
หุ้น 3i Group ร่วงหนัก 17.4% ซึ่งเป็นการดิ่งลงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังบริษัทระบุว่า มีความระมัดระวังในการนำเงินไปลงทุนครั้งใหม่ เนื่องจากคาดว่าตลาดทำธุรกรรมและสภาพแวดล้อมโดยรวมยังคงท้าทาย
กลุ่มพลังงานลดลง 1.3% ขณะที่นักลงทุนชั่งน้ำหนักความกังวลด้านอุปทานล้นตลาดทั่วโลก แม้ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยก็ตาม
หุ้นกลุ่มประกันชีวิตร่วงลง 2.4% โดยหุ้น Aviva ร่วงเกือบ 6.2% หลังเป้าหมายทางการเงินใหม่ของบริษัทไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่นักลงทุนได้
หุ้น Rolls-Royce ร่วงลง 2.8% แม้บริษัทวิศวกรรมการบินยืนยันว่ามั่นใจต่อการคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี แม้เผชิญปัญหาห่วงโซ่อุปทานก็ตาม
หุ้น Burberry พลิกมาปิดร่วงลง 2% หลังแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. จากข่าวว่าบริษัทกลับมามียอดขายเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
กลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่า พุ่งขึ้น 4.5% หลังพุ่งถึง 8.3% ในระหว่างวัน ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลงหลังแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
หุ้น Wizz Air พุ่งขึ้น 6.7% หลังสายการบินรายนี้รายงานกำไรจากการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่ง
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น เศรษฐกิจอังกฤษมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากเหตุโจมตีไซเบอร์ต่อบริษัท Jaguar Land Rover ในเดือนก.ย.
เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดของวันหลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ก่อนจะฟื้นกลับมาปรับขึ้น 0.5%
ทั่วโลกยังคงจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามกฎหมายยุติการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้ข้อมูลสำคัญถูกปิดกั้นนาน 43 วัน ส่งผลให้ทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานและแนวโน้มเงินเฟ้อ