ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดดิ่งลงกว่า 500 จุดในวันนี้ (14 พ.ย.) ซึ่งหนักสุดนับตั้งแต่กลางเดือนต.ค. ปิดฉากการปรับตัวขึ้น 4 วันทำการติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังน้อยลงว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะเดียวกันก็ผิดหวังที่จีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 26,572.46 จุด ร่วงลง 500.57 จุด หรือ -1.85%
หุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต่างร่วงลงกว่า 2% โดยหุ้น SMIC ลดลง 2.7%, XPeng ดิ่งลง 6.9%, China Hongqiao ร่วงลง 3.0% และ Kuaishou Tech ลดลง 2.9%
นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ไม่กี่วันมานี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความลังเลที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานค่อนข้างมีเสถียรภาพหลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 47% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนัก 70% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนแอลงมากกว่าคาด โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 6.5% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5%
ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนต.ค. ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 3% และเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเดือนที่ 5 ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8%
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. ที่ลดลงเพียง 0.5% และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจลดลง 0.8%