ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (17 พ.ย.) ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม นำโดยหุ้นกลุ่มการเงิน ขณะที่กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสาธารณูปโภคช่วยพยุงตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,675.43 จุด ลดลง 22.94 จุด หรือ -0.24%
หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีน้ำหนักมากในตลาด ลดลง 0.8% โดยหุ้น Barclays, HSBC และ Standard Chartered ต่างลดลงระหว่าง 0.7% ถึง 1%
กลุ่มก่อสร้างและวัสดุ ลดลง 1.4% หลังผลสำรวจจากเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ Rightmove ระบุว่า ราคาบ้านเฉลี่ยในสหราชอาณาจักร ลดลง 1.8% ในช่วง 4 สัปดาห์ถึงวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในช่วงเวลานี้ของปีนับตั้งแต่ปี 2555
นอกจากนี้ Telegraph รายงานว่า เรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษเตรียมเสนอมาตรการจัดเก็บภาษีบ้านมูลค่าสูงในงบประมาณประจำปีวันที่ 26 พ.ย.
ขณะนี้ตลาดกำลังจับตารายงานเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการเตรียมการประกาศงบประมาณ และการพิจารณาการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษก่อนการประชุมวันที่ 18 ธ.ค.
นักลงทุนทั่วโลกจะให้ความสนใจกับข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ และผลประกอบการของ Nvidia ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่สูงเกินจริงและความเสี่ยงของภาวะฟองสบู่
อย่างไรก็ดี ตลาดลอนดอนรอดพ้นจากแรงขายหุ้นเทคโนโลยีรอบล่าสุด เนื่องจากมีหุ้นเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อย
ในวันจันทร์ หุ้น WPP พุ่งขึ้น 11% มากที่สุดในรอบ 5 ปี หลังรายงานจาก Times ระบุว่า บริษัทได้รับความสนใจในการเข้าซื้อกิจการจาก Havas ของฝรั่งเศส รวมถึงกองทุนไพรเวตอีควิตีอย่าง Apollo และ KKR
กลุ่มเภสัชภัณฑ์เพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งมักเคลื่อนไหวตามพันธบัตรปรับตัวขึ้น 0.4% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรอายุ 10 ปีลดลง ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อตลาด
ในบรรดาหุ้นรายตัวนั้น หุ้น HICL Infrastructure ร่วงลง 6.6% หลังประกาศดีลควบรวมกิจการมูลค่า 3.98 พันล้านปอนด์กับ The Renewables Infrastructure
ส่วนหุ้น Genuit ผู้ผลิตโซลูชันด้านน้ำ ร่วงลง 13.8% หลังคาดว่ากำไรทั้งปีจะต่ำกว่าประมาณการ