ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าร่วงในวันนี้ (18 พ.ย.) โดยมีช่วงหนึ่งที่ร่วงลงไปถึง 1,200 จุด หรือมากกว่า 2% โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และความวิตกกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 49,432.56 จุด ลดลง 891.35 จุด หรือ -1.77%
หุ้นกลุ่มผู้ส่งออกส่วนใหญ่ถูกเทขาย ทั้งที่ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นผลดีต่อผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ สาเหตุมาจากความกังวลของนักลงทุนต่อสถานะทางการคลังของญี่ปุ่น ภายใต้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ
บรรดาโบรกเกอร์ให้ความเห็นว่า การที่ดัชนีร่วงลงกว่า 1,200 จุดในบางช่วงนั้น เป็นผลจากความกลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะชะลอตัว หลังจากที่ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้แสดงความกังวลต่อความเสี่ยงในตลาดแรงงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 พ.ย.)
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดถึงการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ประจำเดือนต.ค.ในสัปดาห์นี้ ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิมเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นเครื่องชี้วัดสำคัญถึงสภาวะของเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก
ขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดนิกเกอิให้ต่ำลง โดยปรับตัวลงตามทิศทางของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดสหรัฐฯ ประกอบกับมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ก่อนที่บริษัท Nvidia Corp. ยักษ์ใหญ่ด้านชิปของสหรัฐฯ จะประกาศผลประกอบการในวันพุธนี้ (19 พ.ย.)